รีวิว Vana Belle, a Luxury Collection Resort, Koh Samui – รอบ 2

รีวิวอีกครั้ง Vana Belle, A Luxury Collection Resort, Koh Samui (วนา เบลล์ เอลักซ์ชัวรี่ คอลเลคชั่น รีสอร์ท เกาะสมุย) โรงแรมในเครือแมริออท ที่มีโปรแกรมสำหรับสมาชิกคือ Marriott Bonvoy รอบนี้มาเป็นครั้งที่สอง รอบนี้มาในเดือนธันวาคม ซึ่งถือว่าเป็นช่วง Low Season ซึ่งถ้าจะเทียบกับตอน High Season สีของน้ำทะเลนั้นก็ต่างกันจริงชัดเจน อีกทั้งคราวนี้คลื่นค่อนข้างสูงและแรงทีเดียว

ครั้งนี้จะขอข้ามรายละเอียดยิบย่อยไปเพราะสามารถกลับไปอ่านได้ตอนที่รีวิวรอบแรก ได้ตามลิ้งค์นี้ >> https://bellejourneys.com/2021/11/03/review-vana-belle-a-luxury-collection-resort-koh-samui/

โดยห้องพักของเราในคราวนี้จะอยู่ที่ตึก 3 และได้พักห้อง Grand Ocean View Pool Suite, 1 King ห้องพักขนาด 128 sqm ชั้น 3 ห้องมุม ซึ่งเป็นห้องที่ใหญ่ขึ้นกว่ารีวิวรอบแรกค่ะ แต่ต้องปีนบันได้ขึ้นไปชั้น 3 เช่นเดิม ซึ่งเรายินดีอยู่แล้ว เพื่อวิวที่ดี

สไตล์การตกแต่งห้องคล้ายกับครั้งก่อน แต่ห้องมีพื้นที่กว้างขวางมากขึ้นเยอะ ในตัวห้องมีพื้นที่ indoor 75sqm โดยเฉพาะห้องน้ำ ที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่มากและแยกเป็นสัดส่วน ในส่วนของอ่างอาบน้ำก็มีขนาดที่ใหญ่มาก พร้อมวิวที่แช่น้ำหันมองไปทางทะเล อ่างล่างหน้า 2 อันมีโต๊ะเครื่อแป้งทั้ง 2 ข้าง ห้องส้วมก็แยกออกไปอีกฝั่ง และพื้นที่ outdoor 53 sqm ขนาดของสระก็ใหญ่มากขึ้นเช่นกัน Pool size 29sqm ซึ่งห้องมุมก็ได้วิวที่เปิดกว้างมากยิ่งขึ้นด้วย

ที่นี่เลือกใช้แชมพู ครีมนวดผม ครีมอาบน้ำของ PANPURI กลิ่น Thai Jasmine & Mint

มีของเล่นให้เล่นแก้เหงาแก้เบื่อในห้องด้วย ซึ่งในวันที่ฝนตกเราได้เล่นอยู่ เพราะออกไปไหนไม่ได้และมีเครื่องทำกาแฟเช่นเดิม

บรรยากาศริมชายหาดของโรงแรม ในรอบนี้มีมาจัด Private Dining ด้วย (แต่คืนนั้นฝนตกลงมาตอนทุ่มนึง ไม่รู้คู่รักคู่ดังกล่าวเป็นอย่างไรบ้าง)

การเดินทางภายในโรงแรมสามารถใช้บริการรถบั๊กกี้ได้ เช่น ในกรณีที่อาจมีผู้ใหญ่ที่อาจเดินเหินไม่สะดวก หรือเหนื่อยแล้ว ขี้เกียจแล้วก็เรียกใช้ได้เลย ยิมเปิดให้บริการ ใช้คีย์การ์ดแตะเพื่อเข้าใช้งาน และวนาสปา ครั้งก่อนเราได้ใช้บริการนวดตัว แต่ครั้งนี้ไม่ได้เข้าไปนวดเลย

มากันที่อาหาร เนื่องจากมีวันฝนตกเราจึงมีการสั่ง inroom dining เข้ามาทานที่ห้องด้วย

ในส่วนของอาหารเช้า ทานที่ห้องอาหาร Kiree ครั้งก่อนเราทานแบบ plus ธรรมดา แต่รอบนี้เราอัพเกรดมาทานแบบ Prosecco Breakfast ซึ่งจะสามารถสั่งเมนูทั้งฝั่ง Plus และ Chef’s Special ที่มีตัวเลือกให้เลือกเพิ่มหลากหลายขึ้น เช่น Eggs Benedict, Pan Fried Salmon ขนมหวานตัวเลือกหลากหลาย และทานพร้อม Sparkling Wine ได้ไม่อั้น