Review Business Class Asiana Airlines A380-800 [Flight: OZ742 BKK-ICN & OZ741 ICN-BKK]

รีวิว ชั้นธุรกิจ สายการบินเอเชียน่าแอร์ไลน์ บนเครื่อง A380-800 [ไฟล์ท: OZ742 BKK-ICN & OZ741 ICN-BKK]

เบ๋วเจอนี่รีวิวสายการบินครั้งแรกต้องพิเศษหน่อย จัดไปเน้นๆ แบบลืมดูเงินในกระเป๋า ด้วยการบินด้วย Business Class บนเครื่อง Airbus A380-800 กับสายการบิน Asiana Airlines เพื่อไปโซลกัน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของเราที่ได้นั่ง Business Class ของสายการบินแบบ Full Service ต้องบันทึกความทรงจำกันหน่อย เหมือนเป็นลิสว่าครั้งหนึ่งก็อยากลองและได้ลอง

หากเราเดินทางด้วย Business Class จะได้อะไรพิเศษขึ้นมาบ้างนะ?

หลักๆ แน่นอนก็เก้าอี้ที่นั่งโดยสาร จำนวนกระเป๋าและน้ำหนักกระเป๋าที่ได้เยอะกว่าชั้นประหยัด Economy มีช่องเช็คอินพิเศษ พร้อมสิทธิ์ในการใช้บริการเล้าจ์ที่สนามบิน อาหารบนเครื่องที่พิเศษกว่า กระเป๋าจะออกสู่สายพานเร็ว เป็นต้น

Check-in

OZ742 BKK – ICN

มาเริ่มกันที่ไฟล์ทแรกคือ OZ742 Bangkok – Incheon 18 Oct 2022 [01:00 – 09:00] บินตรงจากสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ สู่สนามบินอินชอน Terminal 1 ประเทศเกาหลีใต้

จุดเช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิ

เมื่อไปถึงสนามบิน สายการบิน Asiana Airlines จะอยู่ประตู 5 แถว K จะมีช่อง Check-in แยกเฉพาะสำหรับ Business Class ที่คิวจะน้อยกว่าชั้นประหยัดมาก

Check-in counters

ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถใช้ช่อง Fast Track ในการผ่าน ตม. (Immigration) ที่สุวรรณภูมิและสนามบินที่อื่นๆ ถ้ามีและรองรับสำหรับ Business Class ซึ่งที่สุวรรณภูมิ ช่อง Fast Track ที่ Business Class สามารถใช้ได้จะอยู่บริเวณเคาท์เตอร์ A สุดทางเดิน ซึ่งคิวน้อยกว่าปกติมาก รวดเร็ว ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีเลย

ช่อง Fast Track (ขออภัยในความภาพเบลอ ถ่ายรีบๆ ตอนเดิน)

เล้าจ์

Miracle Lounge

สิทธิ์การเข้าเล้าจ์ สายการบิน Asiana Airlines สำหรับที่สนามบินสุวรรณภูมิจะให้เข้าใช้เล้าจ์ของ Miracle ซึ่งเรามาเลือกเข้าเล้าจ์ตรงฝั่งโซน D ซึ่งไม่ไกลจาก Gate E ที่เราต้องไปขึ้นเครื่อง

Miracle Lounge

ในเล้าจ์อาหารร้อน สลัด ขนมปัง แซนวิช ไอศกรีม และเครื่องดื่มให้เลือกเยอะพอสมควร เลือกกินดื่มได้ไม่อั้นตามอัธยาศัย เอาอิ่ม เอาเมาก็เลือกเอา ส่วนสำหรับเราลองข้าวมันไก่กับไอศกรีมไป กินมากกว่านั้นไม่ไหวจริงๆ เพราะมันดึกแล้วช่วงห้าทุ่มเที่ยงคืนอ่ะ

ที่นั่ง

Seat 15K

เมื่อถึงเวลา Boarding สำหรับชั้น Business Class ก็จะมีช่องพิเศษที่เปิดให้เข้าเครื่องก่อน สำหรับบนเครื่องบินรุ่น A380 เป็นเครื่องบินขนาดใหญ่มี 2 ชั้น ที่นั่งสำหรับ Business Class แบบทั่วไปจะอยู่ที่บนชั้น 2 ส่วน Business Suite จะอยู่ที่ชั้นล่างด้านหน้าเครื่อง  

ที่นั่งที่เราเลือกนั่งตอนขาไปคือ 15K ที่เราเลือกที่นั่งนี้เพราะเป็นที่นั่งเดี่ยวติดริมหน้าต่างแบบตัวที่นั่งติดริมหน้าต่างจริงๆ เพราะที่นั่งของ Business Class จะจัดเรียงแบบทแยงสลับกัน ดังนั้นที่นั่งหน้าเรา 14K หรือหลังเรา 16Kจะเป็นแบบริมหน้าต่างที่ตัวเก้าอี้นั่งจะมาติดทางเดินที่วางของจะติดหน้าต่างแทน ตามภาพ

A380 Business class seat map

ที่นั่ง Business Smartium มีจำนวน 66 ที่นั่ง มีระยะห่าง Space between seats: 74.5inches ขนาดที่นั่งกว้าง Seat width: 22 inches แบบปรับนอนราบได้ แบบราบสุดจริงๆ และที่วางเท้าลึก คนตัวสูงๆก็ นอนราบขาตรงได้ เพราะของเราสูง 160 cm. คือ นอนขายาวเหยียดตึงเข้าไปยังไม่สุด

มีที่วางของด้านข้างและช่องใส่ของบริเวณริมหน้าต่าง มีหูฟัง ผ้าห่ม Slipper มีช่องเสียบปลั๊กไฟและช่องเสียบ USB ในที่นั่งสามารถชาร์จมือถือได้สบาย นอนหลับได้จริงจัง แต่อาจจะไม่หลับหรือรู้สึกตัวตื่นก็เพราะที่นั่งใกล้เคียงมีคนนอนกรนดังนี่แหละ

Seat 15K

เมื่อขึ้นเครื่องมาพนักงานบนเครื่องบินก็จะเสิร์ฟ Welcome Drink เป็น แชมเปญ น้ำส้ม และน้ำเปล่า พร้อมผ้าเย็นให้

ตอนเครื่องขึ้น-ลง นอกจากต้องรัดสายรัดเข็มขัดนิรภัยแบบที่นั่งปกติแล้วยังต้องรัดเพิ่มมาอีกสายบริเวณไหล่ คล้ายๆ เข็มขัดนิรภัยบนรถยนต์เลย

อาหาร OZ742

ไฟล์ท OZ742 นี้ เนื่องจากเป็นไฟล์ทที่บินดึก ดังนั้นจะเสิร์ฟอาหารเช้าให้ในช่วงท้าย ประมาณ 7-8 โมงแล้วก่อนเครื่องลง โดยมีอาหารให้เลือกว่าจะเอาแบบ Western หรือ Korean และจะเลือก Main Course เป็นอะไร โดยพนักงานบนเครื่องจะเดินถามตั้งแต่ก่อนเครื่องขึ้น พร้อมถามเราว่าจะให้ปลุกมากินมั้ย หรือจะให้เสิร์ฟกี่โมงแทน ซึ่งเราก็ให้เค้าปลุกเราได้เลย ยังไงก็ต้องตื่นมาแต่งหน้าก่อนนิ๊ดนึง เดี๋ยว ตม. เกาหลีตกใจ หน้าไม่ตรงปก

ตอนที่จะเริ่มเสิร์ฟอาหารพนักงานก็จะเดินปูผ้าปูโต๊ะให้ เราเลือกอาหารเป็น Western โดยเลือก Main Course เป็น Spanish Omelet ซึ่งรสชาติค่อนไปทางเค็มไปหน่อย เราเลยเฉยๆ กับเมนูนี้มาก แต่ก็อิ่มเพราะมีทั้งผลไม้ ขนมปัง ชากาแฟอีก โดยถ้าเลือกชาคือมีให้เลือกเลยว่าจะเอาชาชนิดไหน เปิดถาดให้เราเลือกชนิดชา

ผ่าน Immigration และรับกระเป๋า

จากนั้นก็ Landing ถึงสนามบินอินชอนโดยสวัสดิภาพ ผ่านการตรวจสแกน Q-Code และ ตม. ตามลำดับ ผ่านฉลุยไม่โดนเรียกไม่โดนถาม ก็มารับกระเป๋าเดินทางที่สายพาน ซึ่งกระเป๋าจะติด Priority baggage tag ดังนั้นกระเป๋าออกมาไวกลุ่มล็อตแรกเลยจ้า


OZ741 ICN – BKK

จุดเช็คอินที่สนามบินอินชอน

มาถึงไฟล์ทขากลับที่เราประทับใจกว่า คือ ไฟล์ท OZ741 Incheon – Bangkok 23 Oct 2022 [19:30 – 23:10]

Premium Check-in

เมื่อมาถึงสนามบินอินชอน Terminal 1 ให้เดินไปที่โซนแถว A ได้เลย จะพบกับจุด Check-in สำหรับ First Class และ Business Class แยกตัวอยู่อย่างเด่นเป็นสง่า

Premium Check-in

หลังจากเช็คอินโหลดกระเป๋าเรียบร้อย ก็มีโซน A เป็น Fast Track ที่ Business Classใช้ได้ด้วย แต่วันที่เราไปไม่เปิด อาจเพราะคนไม่ค่อยเยอะ เลยไปใช้โซน B แทน ส่วนใครมีต้อง scan ทำ Tax Refund ก็จะมีตู้ Kiosk สีฟ้าๆ อยู่บริเวณระหว่างโซน B และ C จากนั้นค่อยไปขึ้นเงินที่บริเวณ Gate 28 เมื่อเข้าไปด้านใน ตม. ขาออกเป็นเครื่องอัตโนมัติสแกน passport ถ่ายรูปด้วยตัวเองเลย

Tax Refund self kiosk

เล้าจ์ที่ที่สนามบินอินชอน

Asiana Business Lounge

หลังจากทำ Tax Refund เรียบร้อยก็ไปใช้บริการเล้าจ์กันต่อ เล้าจ์ Asiana Business Lounge ในสนามบินอินชอนมีอยู่ด้วยกัน 3 จุด คือ ฝั่ง East แถว Gate 11 ตรงกลาง Center แถว Gate 26 และฝั่ง West แถว Gate 43 ส่วนเราเลือกเข้าใช้ ฝั่ง East เพราะประตูขึ้นเครื่องเราคือ Gate 10

ขึ้นบันไดเลื่อนมาก็จะพบกับทางเข้าที่เราสามารถแสกน Boarding Pass ของเราเพื่อเข้าไปได้ พื้นที่ใหญ่พอสมควรแต่ดันคนเยอะจนเกือบหาที่นั่งไม่ได้เลย เดินวนไป 1 รอบ มีอาหารและเครื่องดื่มให้บริการ ที่เห็นคนเกาหลีชอบหยิบกันจะเป็นบะหมี่ถ้วยและนมกล่อง

ที่นั่งและอาหาร OZ741

Seat 17A

ได้เวลาขึ้นเครื่อง ที่นั่งและการบริการต่างๆ จะเหมือนกับขามา รอบนี้เรานั่งเป็นที่นั่ง 17Aย้ายมาติดชิดหน้าต่างอีกฝั่ง

สิ่งที่แตกต่างในรอบนี้คือ อาหารค่าาา คุณขา พอเป็นไฟล์ทนี้เวลาทุ่มนึง มันคืออาหารเย็นพอดิบพอดี พอขึ้นเครื่องสักพักก็เริ่มตั้งโต๊ะเสิร์ฟเลย เราก็เลือก Dinner ของเราเป็นแบบ Western แล้วเลือก Main Course เป็น Beef Tenderloin Steak

Menu

ซึ่งที่เราบอกว่าประทับใจขากลับมากกว่าก็ตรงอาหารนี่แหละ ดีงามพระรามแปด เนื้อมานดีย์มาก นุ่มจูสซี่ไม่เหนียว ให้เยอะจนจุก อิ่มจนนอนราบไม่ได้ จานหลักเรากินเกลี้ยง แต่ตัวข้างเคียงเหลือแบบเสียดาย ไอศกรีมฮาเก้น-ดาส ที่มาตอนท้ายก็กินไหวแค่ครึ่งถ้วย

หากระหว่างกินข้าวอยู่แล้วเกิดอยากเข้าห้องน้ำ ไม่จำเป็นต้องรอแอร์มาเก็บถาดอาหารนะ เราสามารถขยับโต๊ะของเราเข้าไปด้านในแบบนี้แล้วเอียงตัวออกมาได้เลย ชิวเว่อร์ และในเมื่ออิ่มจนนอนราบไม่ได้เราก็เอนนอนดูหนังของเราไป ใช้เครื่องมือ Entertainment และหูฟังของเค้าสักหน่อย

Seat 17A​

ห้องน้ำบนเครื่อง

ทริปนี้ไม่ได้ไปถ่ายรูปห้องน้ำบนเครื่องบินมาให้นะคะ ถ้าห้องน้ำโซนหน้าจะใหญ่สุด ส่วนโซนกลางๆ ก็ใหญ่กว่าชั้นประหยัดปกตินิดหน่อย หมุนตัวได้บ้าง ไม่ได้แคบจนขยับตัวไม่ได้ มีพวกแปรงสีฟันที่ชุบยาสีฟันในตัว น้ำยาบ้วนปากแบบฉีกซอง มีครีมทาผิวของL’Occitane ให้กดใช้อยู่ ยิ่งไปกว่านั้นขากลับเราเจอมีที่โกนหนวดด้วย แต่พอเดินกลับไปเข้าอีกรอบหายเกลี้ยงค่ะ ส่วนห้องน้ำส่วนใหญ่ก็ไม่มีคิว นานๆ ทีจะเห็นมียืนรอบ้างคนสองคน เพราะห้องน้ำมี 4 ห้อง มันก็พอกับคน 66 คนได้แบบหลวมๆ

ผ่าน Immigration และรับกระเป๋า

หลังจากถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ก็ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองด้วยช่องทาง Fast Track ได้อีกเช่นกัน เร็วแทบไม่มีคิวเหมือนเดิม ไม่เกิน 10 นาทีฉลุยไปยืนรอรับกระเป๋าที่สายพาน กระเป๋าออกล็อตแรกเช่นเดิม Priority baggage

สรุป

ส่วนตัวชอบขากลับมากกว่าขาไป คงเพราะอาหารนี่แหละ ขาไปเอาแต่นอน 555 แต่ถ้ามีเงินมีกำลังทรัพย์มีโปรดีอีกก็อยากไปด้วย Business Class อีก เพราะนั่งสบาย พอมันยืดขา ปรับเอนนอนได้ ไม่มีคำว่าเมื่อยค่ะ สบายตัว หลับได้จริง และประทับใจความรวดเร็ว คือมันไม่ต้องเสียเวลายืนรอต่อคิวจนเมื่อยทั้งตอนเช็คอิน ตอนผ่าน ตม. หรือตอนรอกระเป๋าที่สายพานกระเป๋าก็ออกมาเร็วก่อน มานชิวเว่อร์ๆ เลย

ราคา

รีวิวที่ดีต้องมีราคา เราซื้อตั๋วตอนมีโปรล่วงหน้าหลายเดือนอยู่ตั้งแต่ตอนสถานการณ์โควิดยังไม่ค่อยดี เลยได้ราคาไปกลับมาที่ 28kปลายๆ ซึ่งถ้าเป็นช่วงปกติจะเห็นอยู่ที่ ราวๆ 35k ไปจนถึงพีคๆ 50k

คำแนะนำเพิ่มเติม

ถึงจะมาเป็นคู่ แต่หากเลือกไปนั่งเดี่ยวก็รู้สึกพื้นที่กว้างกว่า มีช่องเก็บของเยอะกว่าที่นั่งคู่ตรงกลาง โดยเฉพาะนั่งที่นั่งที่ชิดริมหน้าต่างจริงๆ จะได้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วย เพราะส่วนของเก้าอี้อยู่ด้านใน ทำให้เหมือนมีกำแพงกั้นจากทางเดินหน่อยๆ มีระยะห่างจากทางเดินก็นอนหลับสบายกว่า ถ้าจะจ่ายแพงทั้งที เลือกที่นั่งประเภทนี้เราว่าคุ้มและดีสุด ที่นั่งที่ควรหลีกเลี่ยงคือ ใกล้ห้องน้ำ เพราะทำให้เสียงเปิดปิดประตูห้องน้ำรบกวนการนอนและไหนจะคนเดินไปมาอีก

Asiana Airlines https://flyasiana.com

อ่านรีวิวอื่นๆ ที่ไปทริปเกาหลีในครั้งนี้ >>

รีวิวโรงแรม Courtyard by Marriott Seoul Times Square>> https://bellejourneys.com/2022/10/27/review-courtyard-seoul-times-square/

รีวิวรถไฟ KTX First Class ไปกลับปูซาน >> https://bellejourneys.com/2022/11/04/review-ktx-first-class/

ใส่ความเห็น