Review Zoolung Zoolung

รีวิว สวนสัตว์ในร่มซูลงซูลง

เบ๋วเจอนี่ พามาเที่ยวสวนสัตว์ที่น่ารักตะมุตะมิที่สุดในโซล นั่นคือ Zoolung Zoolung [수렁수렁] สาขาที่เรามาอยู่ที่ห้าง Times Square เป็นสวนสัตว์ในห้าง ที่มีเหล่าบรรดาสัตว์เล็กๆ ที่เป็นมิตรกับเด็กๆ ไม่มีสัตว์ดุร้าย

Black-winged stilt

เวลาเปิด

เปิดทุกวันตั้งแต่ตอนเที่ยงวัน 12:00 – 20:00 ในวันธรรมดา โดยสามารถเข้าได้ก่อน 18:30 และเปิดถึง 20:30 ในวันเสาร์อาทิตย์ แนะนำให้ไปวันธรรมดาตอนกลางวันจะได้คนไม่เยอะ เพลิดเพลินได้เต็มที่

Zoo Map

การเดินทางมาที่นี่

สามารถนั่งรถไฟใต้ดินมาลงสถานี Yeongdeungpo Station หรือใครขับรถเที่ยวเองก็ขับมาจอดที่ห้างได้ โดยประทับตราบัตรจอดรถได้ 3 ชม.

Mara

การซื้อตั๋ว

สามารถมาซื้อตั๋วที่หน้าเคาท์เตอร์ได้เลย มีที่ให้กดบัตรคิวแต่ต้องมีเบอร์มือถือที่เกาหลี ดังนั้นจึงมีความลำบากกับชาวต่างชาติอย่างเราสักหน่อยที่กดบัตรคิวไม่ได้และเหมือนจะมีพนักงานเพียงคนเดียวที่พูดภาษาอังกฤษได้

Ticket box

หรือจะซื้อบัตรล่วงหน้ามาทาง application ซึ่งก็ทำให้ได้ส่วนลดค่าเข้าด้วย เช่น klook

นอกจากการซื้อตั๋วแล้วก็มีอาหารสัตว์แบบซองเล็กๆ ขายด้วย ราคาชุดละ 5,000 KRW โดยซองจะแบ่งเป็นสีๆ และมีตราสัญลักษณ์รูปสัตว์บอกว่าซองไหนให้สัตว์ชนิดไหนกินได้บ้าง

Meerkat

พื้นที่โซนต่างๆ และตัวอย่างน้องสัตว์น่ารักๆ ที่เราจะได้เจอ

เหล่าน้องนก

น้องลิง

Tamarin

เหล่าน้องหนู

น้องจิ้งจอกทะเลทราย

น้องอัลปาก้า

Alpaca

น้องเพนกวิ้น

หากเพลินๆ อยู่ในนั้นไปนานๆ อาจจะหิว ก็มีร้านอาหารอยู่ในนั้นด้วย ชื่อร้าน Pirates of Humboldt

ส่วนตัวเราชอบสวนสัตว์นี้มากๆ เดินง่าย น่ารัก ปลุกความเด็กในตัวเรา ได้ดูและสังเกตุอย่างใกล้ชิดกับน้องสัตว์ต่างๆ ซึ่งถึงจะใกล้ชิดได้ถึงยังไงที่นี่ก็มีกฏห้ามจับน้องๆ นะ สำหรับโซนที่ให้จับได้ก็อย่าลืมล้างมือฟอกสบู่ที่บริเวณหน้าทางเข้าทั้งก่อนและหลัง

อ่านรีวิวอื่นๆ ในเกาหลีใต้ >> https://bellejourneys.com/abroad/korea/

Zoolung Zoolung
https://maps.app.goo.gl/SeHUozjQ8CMQZkWB6?g_st=ic

[Naver Map]
서울 영등포구 영중로 15 타임스퀘어 4층매표소, 5층입구
https://naver.me/Fwwg5X8y

Review Sky Capsule Haeundae Blue Line Park + Beach Train

รีวิว รถไฟสกายแคปซูล ที่ปูซาน

เบ๋วเจอนี่ในครั้งนี้หลังจากที่นั่งรถไฟ KTX มาที่ปูซาน (รีวิวรถไฟ KTX ชั้น First Class >> https://bellejourneys.com/2022/11/04/review-ktx-first-class/)

เราก็นั่งรถไฟมาลงที่ สถานี Haeundae เพื่อมาลองเที่ยวที่เที่ยวใหม่สุดชิคฮอตฮิตในช่วงนี้ทันทีคือเจ้า Sky Capsule [스카이캡슐] สีสันสดใสน่ารักปุ๊กปิ๊ก มีหน้าต่างให้ชมวิวรอบด้าน

Sky Capsule [스카이캡슐]

โดยเจ้ารถไฟนี้จะวิ่งเรียบชายหาดจากสถานี Mipo ไปยัง Choengsapo [미포출발->청사포도착 ] หรือใครจะนั่งสลับกันก็ได้ แต่จะนิยมขึ้นที่มี Mipo เพราะเลนรางของรถไฟจะได้อยู่ฝั่งที่ติดวิว พอมีตั๋วแล้วไม่ว่าจะจองมาล่วงหน้าหรือเข้าคิวซื้อหน้างาน ก็ขึ้นชานชลาด้านบนได้เลย เข้าคิวรอไปลุ้นไปว่าจะได้รถตู้สีอะไร

โดยรถไฟหนึ่งตู้จะนั่งได้สูงสุด 4 คน และ ณ ขณะนี้คือเปิดให้นั่งเป็นกลุ่มส่วนตัวที่มาด้วยกัน ไม่มีการแชร์กับคนอื่น

Sky Capsule [스카이캡슐] Choengsapo

รถไฟจะใช้เวลาแล่นประมาณ 25 นาที ไปอย่างช้าๆ ให้เรานั่งคุย นั่งชมวิว ถ่ายรูปเพลินๆ กันไป มีทั้งวิวทะเล วิวป่าๆ และวิวประภาคารสีแดง และวันที่เราไปก็โชคดีมากๆ ที่ฟ้าใสสุดๆ ไปเลย

พอถึงที่สถานี Choengsapo หลายคนก็อาจไปเดินเล่นแถวๆ นั้นกัน เช่น ไปถ่ายรูปกับเจ้าประภาคารสีแดง

ส่วนเรามาพักนั่งคาเฟ่ที่บนสถานี Choengsapo ชื่อร้านว่า Musee du Bleu ซึ่งร้านมีวิวทะเลสวยๆ มองได้จากหน้าต่างทั้ง 2 ฝั่งของทางร้าน นั่งมองไปจิบเครื่องดื่มไป ส่วนเรานั่งกินไอติม

ส่วนขากลับแล้วแต่ว่าจะอยากนั่งเจ้า Sky Capsule นี้กลับด้วย หรือจะเปลี่ยนเป็นนั่งด้วยรถไฟแบบ Beach Train โดยเจ้าตัวรถไฟนี้เป็นรถไฟชมวิวที่จัดที่นั่งหันหน้าออกทะเลทั้ง 2 แถว

Beach Train

ซึ่งเราแนะนำให้นั่งเจ้า Beach Train ก็ได้วิวอีกมุมดี หรือใครใคร่เดินกลับก็เดินได้นะ เดินเรื่อยๆ เราเห็นคนเดินเยอะอยู่นะ เดินคุยกันไปเรื่อยๆ ช้าๆ ถ้าอากาศเย็นสบายก็เพลิน

Beach Train

รถไฟ Beach Train เราก็ขึ้นที่สถานี Choengsapo กลับสถานี Mipo วิวทะเลสวยๆ เต็มตา คนค่อนข้างแน่นเราเลยได้นั่งแถวสองแทน แต่วิวก็สวยอยู่ดีนั่นแหละ

การเดินทางไป จากสถานีแฮอุนแด ทางออก 3 หรือ 5 เดินตรงดิ่งมาทางชายหาด จากนั้นเมื่อถึงชายหาดก็เลี้ยวซ้ายแล้วสามารถเดินมาตรงมาเรื่อยๆ ตามทางได้เลย เดินมาทางตึกสูงๆ

Haeundae

เดินตรงมาเรื่อยๆ จนเจอตึก Mipo ที่เป็นโรงแรมและร้านคาเฟ่วิวสวยจับใจที่หลายๆ คนแนะนำให้แวะกันไป เลี้ยวซ้ายแล้วเดินตรงขึ้นเนินมาเรื่อยๆ จากนั้นจะเจอ Haeundae Blue Line Park ทางขวามือ

สำหรับราคาตั๋วที่เราจ่ายไปสำหรับ 2 คนทั้ง Sky Capsule และ Beach Train อยู่ที่ 50,000 วอน หรือราวๆ 1,500 บาท

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Sky Capsule Haeundae Blue Line Park + Beach Train >> https://www.bluelinepark.com/eng/

อ่านรีวิวที่พัก ที่กิน ที่เที่ยว และการเดินทางที่เกาหลีได้เพิ่มเติมที่ >> https://bellejourneys.com/abroad/korea/

Review KTX First Class Train to Busan

รีวิว รถไฟ KTX ชั้นเฟิร์สคลาส ไปปูซาน

นั่งรถไฟเที่ยวแบบให้สมฐานะ เบ๋วเจอนี่ไปเที่ยวเกาหลีใต้ในรอบนี้ เราก็ได้มี 1 day trip ไปเที่ยวเช้าเย็นกลับที่ปูซาน โดยเราเดินทางจากโซลไปปูซาน โดยรถไฟแบบในภาพยนตร์ที่หลายๆ คนรู้จัก Train to Busan ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่เราใช้ KTX นั่งไปกลับโซล-ปูซาน รอบแรกเมื่อหลายปีก่อนเราไปด้วยั้นั่งแบบชั้นปกติ Economy แต่ในรอบนี้เราไปด้วยการลองนั่งแบบชั้น First Class ดู

KTX

รถไฟ KTX คืออะไร

รถไฟ KTX คือ Korea Train Express หรือรถไฟความเร็วสูงของประเทศเกาหลีใต้ ที่เราสามารถใช้เพื่อออกไปเที่ยวจังหวัดต่างๆ ในเกาหลีใต้ได้

วิธีการซื้อตั๋ว

เราสามารถไปซื้อตั๋วที่หน้าสถานีที่เราจะขึ้น KTX ไปเลยก็ได้ หรืออยากเอาชัวร์ว่าจะมีที่นั่งก็จองซื้อล่วงหน้าผ่านหน้าเว็บ >> https://www.letskorail.com/ ได้เลย ไม่ยุ่งยาก หน้าเว็บเป็นภาษาอังกฤษ เลือกสถานีต้นทาง ปลายทาง ประเภทรถไฟ วันเวลา จำนวนคนได้ตามที่ต้องการ ชำระเงินผ่านบัตรเครดิตได้เลย แต่บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตประเภท travel ที่เติมเงินหรือซื้อเงินวอนเติมเข้าไปในบัตร บัตรประเภทนี้จะใช้ไม่ได้นะคะ เช่น บัตร planet หรือ boarding – – – ระบบจะเหมือนจ่ายได้มี OTP เด้งมา แต่จะไม่สำเร็จ จองจ่ายเงินแล้วยังสามารถขอยกเลิกได้ ก่อนวันเดินทาง เงินจะคืนกลับเข้าบัตรเครดิต แต่ข้อเสียคือเรทเงินอาจผันผวนต่างกัน

ตั๋วขายเป็นรายเที่ยว ราคาของแต่ละขบวนอาจไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความเร็วของแต่ละขบวน ยิ่งใช้เวลาเดินทางน้อยถึงเร็วจะยิ่งแพง บางบวนใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงกว่าเท่านั้น บางขบวนมีแวะจอดบางสถานีก็จะเพิ่มเวลาเข้าไปนิดหน่อยก็จะราคาถูกกว่า เช่น ขบวนที่เรานั่งใช้เวลา 3 ชั่วโมง เพราะมีแวะจอดที่ซูวอนกับแดกู และสำหรับการเลือกที่นั่งไม่สามารถกดเลือกที่นั่งได้นะคะ ระบบจะจัดลงที่นั่งให้ เมื่อเลือกทุกอย่างเรียบร้อยก็ชำระเงินด้วยบัตรเครดิต พอเสร็จแล้วได้ตั๋วเรียบร้อย ก็จะแคปหน้าจอเก็บใส่มือถือไว้หรือปริ้นตั๋วติดตัวไปด้วยในวันเดินทางแล้วแต่

ข้อควรระวัง เวลาที่กดเลือกไว้ที่แสดงอยู่หน้าตั๋ว เป็นเวลารถไฟออกนะคะ ไม่ใช่เวลาให้เราไปถึง เผื่อเวลาไปรอรถไฟที่ชานชลาด้วย เพราะรถไฟออกตรงเวลาเป๊ะจริงๆ หากเป็นสถานีที่เป็นต้นทางแรกของขบวนเลยรถไฟจะมาจอดรอก่อนเวลาประมาณ 20 นาที ไปขึ้นก่อนเวลาได้เลย ส่วนหากเป็นสถานีอื่นๆ จอดประมาณ 2 นาทีเอง

ความแตกต่างของชั้น First Class และ Economy Class

ชั้น Economy Class จะมีที่นั่งคู่เป็นแบบ 2-2 ส่วนชั้น First Class จะเป็นแบบ 1-2 ฝั่งนึงจะเป็นที่นั่งคู่ อีกฝั่งจะเป็นที่นั่งเดี่ยว หากเราจองตั๋วแบบเดินทางคนเดียวระบบจะจัดที่นั่งเดี่ยวให้ในกรณียังว่าง แต่หากเราจองตั๋วแบบเดินทาง 2 คน ยังไงระบบก็จัดให้นั่งเป็นคู่กัน ไม่จัดให้นั่งแยกเดี่ยว โดยเก้าอี้ของทางฝั่ง First Class จะมีขนาดกว้างใหญ่กว่า และมีระยะห่างระหว่างแถวที่นั่งมากขึ้น ทำให้สามารถนั่งเอนเหยียดขายาวๆ ได้ คนนั่งด้านในลุกเข้าออกโดยที่อีกคนไม่ต้องลุกก็ยังได้เลย ถาดที่วางของมีขนาดใหญ่วางโน๊ตบุ๊คแท็บเลตทำงานไปด้วยก็ได้ นอกจากนี้การนั่งชั้น First Class ก็จะสามารถกดน้ำดื่มขวดได้ฟรี และมีขนมให้ทานได้ด้วย

ออกเดินทาง Yeongdeungpo – Busan / Busan – Yeongdeungpo

พอขึ้นรถไฟไปไม่มีการตรวจตั๋วนะคะ แต่ถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมาเจ้าหน้าที่บนรถไฟก็อาจจะเรียกขอดูตั๋วค่ะ ตั๋วที่ปริ้นออกมาหน้าตาตามภาพ

KTX – Tickets

โดยถ้าเดินทางจากในโซลก็สามารถเลือกไปเริ่มต้นขึ้นได้ในหลายสถานี เช่น Seoul Station, Yongsan Station, Yeongdeungpo Station เป็นต้น ส่วนตัวได้มีโอกาสไปลองใช้แล้วทั้ง 3 สถานีนี้ ตามความคิดเห็นส่วนตัว Seoul Station กับ Yongsan Station จะค่อนข้าง Friendly กับคนต่างชาติกว่า เพราะป้ายอะไรจะชัดเจน จอใหญ่

Yeongdeungpo Station

Yeongdeungpo – Busan ในรอบนี้ที่เราไปเราพักที่โรงแรม Courtyard by Marriott Seoul Times Square [ตามอ่านรีวิวโรงแรมได้ที่ >> https://bellejourneys.com/2022/10/27/review-courtyard-seoul-times-square/ ] ซึ่งอยู่ใกล้สถานี Yeongdeungpo Station เราจึงเลือกขึ้นจากสถานีนี้แทน ซึ่งก็ไม่ได้ยาก

จากหน้าสถานีเดินเข้าไปตามป้าย KTX หาจอให้เจอว่ารถไฟขบวนของเราจะมาจอดที่ชานชลาไหน ก็ลงไปรอที่ชานชลาได้เลย

ที่นั่งของเราอยู่โบกี้ที่ 4 เราก็มายืนรอที่ป้าย Car no. 4 – – – ส่วนขากลับเราก็นั่งจาก Busan – Yeongdeungpo

Track no.8

ที่นั่ง ตู้กดน้ำ ขนม และอื่นๆ

ที่นั่งแบบ First Class กว้าง นั่งสบาย มีที่แขวนเสื้อ ที่ชาร์จแบต มี wifi บนรถไฟ มีน้ำดื่มขวดเล็กๆ ให้ หากไม่พอก็ไปกดเพิ่ม กดจากตู้ก็จะเป็นแช่เย็น หยิบจากในแพคก็เป็นอุณหภูมิปกติ มีขนมให้ด้วย ไปหยิบบริการตัวเองได้

ตัวแพคเกจขนมน่ารักมาก เราไปช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี แพคเกจกล่องก็เป็น Autumn ด้านในกล่องขนมมีเป็นผ้าเช็ดมือ คุกกี้งา 2 ชิ้น และถั่ว

สำหรับ Economy Class หากอยากดื่มอะไร หรืออยากซื้อขนมทาน ก็สามารถมากดซื้อที่ตู้ขายได้เลย จ่ายด้วยบัตรไม่รับเงินสด

บนรถไฟมีห้องน้ำหน้าตาคล้ายๆ แบบบนเครื่องบิน แยกชาย-หญิง แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปมา โดยห้องน้ำจะอยู่ในช่วงจุดเชื่อมระหว่างโบกี้

สุดท้ายนี้ รีวิวที่ดีต้องมีราคา ค่าตั๋ว First Class สำหรับผู้ใหญ่ ของเราอยู่ที่คนละ 67,200 วอนต่อเที่ยว หรือประมาณ 1,850 บาท ไปกลับก็ราวๆ 3,700 บาทต่อคน (ถ้าเป็น Economy จะอยู่ที่ 48,000 ) ซึ่งขบวนที่เรานั่งไม่ใช่ขบวนที่ใช้เวลาเดินทางน้อยสุดจึงมีราคาย่อมเยาว์กว่านิดหน่อยเพราะใช้เวลาเดินทาง 3 ชั่วโมง เพราะมีแวะจอดที่ซูวอนกับแดกู ซึ่งหากขบวนที่มีระยะเวลาเดินทางสั้นกว่านี้แบบสองชั่วโมงกว่าๆ จะอยู่ที่ราวๆ 83,700 วอน หรือราวๆ 2,300 บาทต่อเที่ยว ไปกลับก็ตกที่ 4,600 บาท (ถ้าเป็น Economy Class จะอยู่ที่ 59,800 วอน )ซึ่ง /เรทเงินไทยที่ใช้คำนวณอ้างอิงตามเรทในบัตรเครดิตเรา ณ เดือนตุลาคม 2565/

ทางไปจอง >> https://www.letskorail.com/

อ่านรีวิวที่พัก ที่กิน ที่เที่ยว และการเดินทางที่เกาหลีได้เพิ่มเติมที่ >> https://bellejourneys.com/abroad/korea/

Review Business Class Asiana Airlines A380-800 [Flight: OZ742 BKK-ICN & OZ741 ICN-BKK]

รีวิว ชั้นธุรกิจ สายการบินเอเชียน่าแอร์ไลน์ บนเครื่อง A380-800 [ไฟล์ท: OZ742 BKK-ICN & OZ741 ICN-BKK]

เบ๋วเจอนี่รีวิวสายการบินครั้งแรกต้องพิเศษหน่อย จัดไปเน้นๆ แบบลืมดูเงินในกระเป๋า ด้วยการบินด้วย Business Class บนเครื่อง Airbus A380-800 กับสายการบิน Asiana Airlines เพื่อไปโซลกัน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของเราที่ได้นั่ง Business Class ของสายการบินแบบ Full Service ต้องบันทึกความทรงจำกันหน่อย เหมือนเป็นลิสว่าครั้งหนึ่งก็อยากลองและได้ลอง

หากเราเดินทางด้วย Business Class จะได้อะไรพิเศษขึ้นมาบ้างนะ?

หลักๆ แน่นอนก็เก้าอี้ที่นั่งโดยสาร จำนวนกระเป๋าและน้ำหนักกระเป๋าที่ได้เยอะกว่าชั้นประหยัด Economy มีช่องเช็คอินพิเศษ พร้อมสิทธิ์ในการใช้บริการเล้าจ์ที่สนามบิน อาหารบนเครื่องที่พิเศษกว่า กระเป๋าจะออกสู่สายพานเร็ว เป็นต้น

Check-in

OZ742 BKK – ICN

มาเริ่มกันที่ไฟล์ทแรกคือ OZ742 Bangkok – Incheon 18 Oct 2022 [01:00 – 09:00] บินตรงจากสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ สู่สนามบินอินชอน Terminal 1 ประเทศเกาหลีใต้

จุดเช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิ

เมื่อไปถึงสนามบิน สายการบิน Asiana Airlines จะอยู่ประตู 5 แถว K จะมีช่อง Check-in แยกเฉพาะสำหรับ Business Class ที่คิวจะน้อยกว่าชั้นประหยัดมาก

Check-in counters

ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถใช้ช่อง Fast Track ในการผ่าน ตม. (Immigration) ที่สุวรรณภูมิและสนามบินที่อื่นๆ ถ้ามีและรองรับสำหรับ Business Class ซึ่งที่สุวรรณภูมิ ช่อง Fast Track ที่ Business Class สามารถใช้ได้จะอยู่บริเวณเคาท์เตอร์ A สุดทางเดิน ซึ่งคิวน้อยกว่าปกติมาก รวดเร็ว ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีเลย

ช่อง Fast Track (ขออภัยในความภาพเบลอ ถ่ายรีบๆ ตอนเดิน)

เล้าจ์

Miracle Lounge

สิทธิ์การเข้าเล้าจ์ สายการบิน Asiana Airlines สำหรับที่สนามบินสุวรรณภูมิจะให้เข้าใช้เล้าจ์ของ Miracle ซึ่งเรามาเลือกเข้าเล้าจ์ตรงฝั่งโซน D ซึ่งไม่ไกลจาก Gate E ที่เราต้องไปขึ้นเครื่อง

Miracle Lounge

ในเล้าจ์อาหารร้อน สลัด ขนมปัง แซนวิช ไอศกรีม และเครื่องดื่มให้เลือกเยอะพอสมควร เลือกกินดื่มได้ไม่อั้นตามอัธยาศัย เอาอิ่ม เอาเมาก็เลือกเอา ส่วนสำหรับเราลองข้าวมันไก่กับไอศกรีมไป กินมากกว่านั้นไม่ไหวจริงๆ เพราะมันดึกแล้วช่วงห้าทุ่มเที่ยงคืนอ่ะ

ที่นั่ง

Seat 15K

เมื่อถึงเวลา Boarding สำหรับชั้น Business Class ก็จะมีช่องพิเศษที่เปิดให้เข้าเครื่องก่อน สำหรับบนเครื่องบินรุ่น A380 เป็นเครื่องบินขนาดใหญ่มี 2 ชั้น ที่นั่งสำหรับ Business Class แบบทั่วไปจะอยู่ที่บนชั้น 2 ส่วน Business Suite จะอยู่ที่ชั้นล่างด้านหน้าเครื่อง  

ที่นั่งที่เราเลือกนั่งตอนขาไปคือ 15K ที่เราเลือกที่นั่งนี้เพราะเป็นที่นั่งเดี่ยวติดริมหน้าต่างแบบตัวที่นั่งติดริมหน้าต่างจริงๆ เพราะที่นั่งของ Business Class จะจัดเรียงแบบทแยงสลับกัน ดังนั้นที่นั่งหน้าเรา 14K หรือหลังเรา 16Kจะเป็นแบบริมหน้าต่างที่ตัวเก้าอี้นั่งจะมาติดทางเดินที่วางของจะติดหน้าต่างแทน ตามภาพ

A380 Business class seat map

ที่นั่ง Business Smartium มีจำนวน 66 ที่นั่ง มีระยะห่าง Space between seats: 74.5inches ขนาดที่นั่งกว้าง Seat width: 22 inches แบบปรับนอนราบได้ แบบราบสุดจริงๆ และที่วางเท้าลึก คนตัวสูงๆก็ นอนราบขาตรงได้ เพราะของเราสูง 160 cm. คือ นอนขายาวเหยียดตึงเข้าไปยังไม่สุด

มีที่วางของด้านข้างและช่องใส่ของบริเวณริมหน้าต่าง มีหูฟัง ผ้าห่ม Slipper มีช่องเสียบปลั๊กไฟและช่องเสียบ USB ในที่นั่งสามารถชาร์จมือถือได้สบาย นอนหลับได้จริงจัง แต่อาจจะไม่หลับหรือรู้สึกตัวตื่นก็เพราะที่นั่งใกล้เคียงมีคนนอนกรนดังนี่แหละ

Seat 15K

เมื่อขึ้นเครื่องมาพนักงานบนเครื่องบินก็จะเสิร์ฟ Welcome Drink เป็น แชมเปญ น้ำส้ม และน้ำเปล่า พร้อมผ้าเย็นให้

ตอนเครื่องขึ้น-ลง นอกจากต้องรัดสายรัดเข็มขัดนิรภัยแบบที่นั่งปกติแล้วยังต้องรัดเพิ่มมาอีกสายบริเวณไหล่ คล้ายๆ เข็มขัดนิรภัยบนรถยนต์เลย

อาหาร OZ742

ไฟล์ท OZ742 นี้ เนื่องจากเป็นไฟล์ทที่บินดึก ดังนั้นจะเสิร์ฟอาหารเช้าให้ในช่วงท้าย ประมาณ 7-8 โมงแล้วก่อนเครื่องลง โดยมีอาหารให้เลือกว่าจะเอาแบบ Western หรือ Korean และจะเลือก Main Course เป็นอะไร โดยพนักงานบนเครื่องจะเดินถามตั้งแต่ก่อนเครื่องขึ้น พร้อมถามเราว่าจะให้ปลุกมากินมั้ย หรือจะให้เสิร์ฟกี่โมงแทน ซึ่งเราก็ให้เค้าปลุกเราได้เลย ยังไงก็ต้องตื่นมาแต่งหน้าก่อนนิ๊ดนึง เดี๋ยว ตม. เกาหลีตกใจ หน้าไม่ตรงปก

ตอนที่จะเริ่มเสิร์ฟอาหารพนักงานก็จะเดินปูผ้าปูโต๊ะให้ เราเลือกอาหารเป็น Western โดยเลือก Main Course เป็น Spanish Omelet ซึ่งรสชาติค่อนไปทางเค็มไปหน่อย เราเลยเฉยๆ กับเมนูนี้มาก แต่ก็อิ่มเพราะมีทั้งผลไม้ ขนมปัง ชากาแฟอีก โดยถ้าเลือกชาคือมีให้เลือกเลยว่าจะเอาชาชนิดไหน เปิดถาดให้เราเลือกชนิดชา

ผ่าน Immigration และรับกระเป๋า

จากนั้นก็ Landing ถึงสนามบินอินชอนโดยสวัสดิภาพ ผ่านการตรวจสแกน Q-Code และ ตม. ตามลำดับ ผ่านฉลุยไม่โดนเรียกไม่โดนถาม ก็มารับกระเป๋าเดินทางที่สายพาน ซึ่งกระเป๋าจะติด Priority baggage tag ดังนั้นกระเป๋าออกมาไวกลุ่มล็อตแรกเลยจ้า


OZ741 ICN – BKK

จุดเช็คอินที่สนามบินอินชอน

มาถึงไฟล์ทขากลับที่เราประทับใจกว่า คือ ไฟล์ท OZ741 Incheon – Bangkok 23 Oct 2022 [19:30 – 23:10]

Premium Check-in

เมื่อมาถึงสนามบินอินชอน Terminal 1 ให้เดินไปที่โซนแถว A ได้เลย จะพบกับจุด Check-in สำหรับ First Class และ Business Class แยกตัวอยู่อย่างเด่นเป็นสง่า

Premium Check-in

หลังจากเช็คอินโหลดกระเป๋าเรียบร้อย ก็มีโซน A เป็น Fast Track ที่ Business Classใช้ได้ด้วย แต่วันที่เราไปไม่เปิด อาจเพราะคนไม่ค่อยเยอะ เลยไปใช้โซน B แทน ส่วนใครมีต้อง scan ทำ Tax Refund ก็จะมีตู้ Kiosk สีฟ้าๆ อยู่บริเวณระหว่างโซน B และ C จากนั้นค่อยไปขึ้นเงินที่บริเวณ Gate 28 เมื่อเข้าไปด้านใน ตม. ขาออกเป็นเครื่องอัตโนมัติสแกน passport ถ่ายรูปด้วยตัวเองเลย

Tax Refund self kiosk

เล้าจ์ที่ที่สนามบินอินชอน

Asiana Business Lounge

หลังจากทำ Tax Refund เรียบร้อยก็ไปใช้บริการเล้าจ์กันต่อ เล้าจ์ Asiana Business Lounge ในสนามบินอินชอนมีอยู่ด้วยกัน 3 จุด คือ ฝั่ง East แถว Gate 11 ตรงกลาง Center แถว Gate 26 และฝั่ง West แถว Gate 43 ส่วนเราเลือกเข้าใช้ ฝั่ง East เพราะประตูขึ้นเครื่องเราคือ Gate 10

ขึ้นบันไดเลื่อนมาก็จะพบกับทางเข้าที่เราสามารถแสกน Boarding Pass ของเราเพื่อเข้าไปได้ พื้นที่ใหญ่พอสมควรแต่ดันคนเยอะจนเกือบหาที่นั่งไม่ได้เลย เดินวนไป 1 รอบ มีอาหารและเครื่องดื่มให้บริการ ที่เห็นคนเกาหลีชอบหยิบกันจะเป็นบะหมี่ถ้วยและนมกล่อง

ที่นั่งและอาหาร OZ741

Seat 17A

ได้เวลาขึ้นเครื่อง ที่นั่งและการบริการต่างๆ จะเหมือนกับขามา รอบนี้เรานั่งเป็นที่นั่ง 17Aย้ายมาติดชิดหน้าต่างอีกฝั่ง

สิ่งที่แตกต่างในรอบนี้คือ อาหารค่าาา คุณขา พอเป็นไฟล์ทนี้เวลาทุ่มนึง มันคืออาหารเย็นพอดิบพอดี พอขึ้นเครื่องสักพักก็เริ่มตั้งโต๊ะเสิร์ฟเลย เราก็เลือก Dinner ของเราเป็นแบบ Western แล้วเลือก Main Course เป็น Beef Tenderloin Steak

Menu

ซึ่งที่เราบอกว่าประทับใจขากลับมากกว่าก็ตรงอาหารนี่แหละ ดีงามพระรามแปด เนื้อมานดีย์มาก นุ่มจูสซี่ไม่เหนียว ให้เยอะจนจุก อิ่มจนนอนราบไม่ได้ จานหลักเรากินเกลี้ยง แต่ตัวข้างเคียงเหลือแบบเสียดาย ไอศกรีมฮาเก้น-ดาส ที่มาตอนท้ายก็กินไหวแค่ครึ่งถ้วย

หากระหว่างกินข้าวอยู่แล้วเกิดอยากเข้าห้องน้ำ ไม่จำเป็นต้องรอแอร์มาเก็บถาดอาหารนะ เราสามารถขยับโต๊ะของเราเข้าไปด้านในแบบนี้แล้วเอียงตัวออกมาได้เลย ชิวเว่อร์ และในเมื่ออิ่มจนนอนราบไม่ได้เราก็เอนนอนดูหนังของเราไป ใช้เครื่องมือ Entertainment และหูฟังของเค้าสักหน่อย

Seat 17A​

ห้องน้ำบนเครื่อง

ทริปนี้ไม่ได้ไปถ่ายรูปห้องน้ำบนเครื่องบินมาให้นะคะ ถ้าห้องน้ำโซนหน้าจะใหญ่สุด ส่วนโซนกลางๆ ก็ใหญ่กว่าชั้นประหยัดปกตินิดหน่อย หมุนตัวได้บ้าง ไม่ได้แคบจนขยับตัวไม่ได้ มีพวกแปรงสีฟันที่ชุบยาสีฟันในตัว น้ำยาบ้วนปากแบบฉีกซอง มีครีมทาผิวของL’Occitane ให้กดใช้อยู่ ยิ่งไปกว่านั้นขากลับเราเจอมีที่โกนหนวดด้วย แต่พอเดินกลับไปเข้าอีกรอบหายเกลี้ยงค่ะ ส่วนห้องน้ำส่วนใหญ่ก็ไม่มีคิว นานๆ ทีจะเห็นมียืนรอบ้างคนสองคน เพราะห้องน้ำมี 4 ห้อง มันก็พอกับคน 66 คนได้แบบหลวมๆ

ผ่าน Immigration และรับกระเป๋า

หลังจากถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ก็ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองด้วยช่องทาง Fast Track ได้อีกเช่นกัน เร็วแทบไม่มีคิวเหมือนเดิม ไม่เกิน 10 นาทีฉลุยไปยืนรอรับกระเป๋าที่สายพาน กระเป๋าออกล็อตแรกเช่นเดิม Priority baggage

สรุป

ส่วนตัวชอบขากลับมากกว่าขาไป คงเพราะอาหารนี่แหละ ขาไปเอาแต่นอน 555 แต่ถ้ามีเงินมีกำลังทรัพย์มีโปรดีอีกก็อยากไปด้วย Business Class อีก เพราะนั่งสบาย พอมันยืดขา ปรับเอนนอนได้ ไม่มีคำว่าเมื่อยค่ะ สบายตัว หลับได้จริง และประทับใจความรวดเร็ว คือมันไม่ต้องเสียเวลายืนรอต่อคิวจนเมื่อยทั้งตอนเช็คอิน ตอนผ่าน ตม. หรือตอนรอกระเป๋าที่สายพานกระเป๋าก็ออกมาเร็วก่อน มานชิวเว่อร์ๆ เลย

ราคา

รีวิวที่ดีต้องมีราคา เราซื้อตั๋วตอนมีโปรล่วงหน้าหลายเดือนอยู่ตั้งแต่ตอนสถานการณ์โควิดยังไม่ค่อยดี เลยได้ราคาไปกลับมาที่ 28kปลายๆ ซึ่งถ้าเป็นช่วงปกติจะเห็นอยู่ที่ ราวๆ 35k ไปจนถึงพีคๆ 50k

คำแนะนำเพิ่มเติม

ถึงจะมาเป็นคู่ แต่หากเลือกไปนั่งเดี่ยวก็รู้สึกพื้นที่กว้างกว่า มีช่องเก็บของเยอะกว่าที่นั่งคู่ตรงกลาง โดยเฉพาะนั่งที่นั่งที่ชิดริมหน้าต่างจริงๆ จะได้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วย เพราะส่วนของเก้าอี้อยู่ด้านใน ทำให้เหมือนมีกำแพงกั้นจากทางเดินหน่อยๆ มีระยะห่างจากทางเดินก็นอนหลับสบายกว่า ถ้าจะจ่ายแพงทั้งที เลือกที่นั่งประเภทนี้เราว่าคุ้มและดีสุด ที่นั่งที่ควรหลีกเลี่ยงคือ ใกล้ห้องน้ำ เพราะทำให้เสียงเปิดปิดประตูห้องน้ำรบกวนการนอนและไหนจะคนเดินไปมาอีก

Asiana Airlines https://flyasiana.com

อ่านรีวิวอื่นๆ ที่ไปทริปเกาหลีในครั้งนี้ >>

รีวิวโรงแรม Courtyard by Marriott Seoul Times Square>> https://bellejourneys.com/2022/10/27/review-courtyard-seoul-times-square/

รีวิวรถไฟ KTX First Class ไปกลับปูซาน >> https://bellejourneys.com/2022/11/04/review-ktx-first-class/

Review Courtyard by Marriott Seoul Times Square

รีวิว โรงแรมคอร์ทยาร์ด บาย แมริออท โซล ไทม์ส สแควร์

Front door at level 1

เบ๋วเจอนี่ในครั้งนี้เรามาเที่ยวที่เกาหลีใต้อีกครั้ง เป็นรอบที่ 9 แล้ว หลังจากหยุดพักไป 3 ปี เนื่องจากโควิด ในครั้งนี้เราแลกพ้อยท์จากในบัตรสมาชิก Marriott Bonvoy เป็นจำนวน 5 คืนรวด (Oct 18-23, 2022) และเลือกเข้าพักที่ Courtyard by Marriott Seoul Times Square เพื่อลองเปลี่ยน area มาย่านอื่นๆ ดูบ้าง เพราะปกติชอบพักแถวมยองดง อุลจิโร ฮงแด

โรงแรม Courtyard by Marriott Seoul Times Square ตั้งอยู่ในโซล เขต Yeongdeungpo ติดกับห้าง Time Square และห้าง Shinsegae Department Store Times Square โดยการเดินทางสามารถใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน Line. 1 มาขึ้นลงที่ สถานี Yeongdeungpo (영등포 ยองดึงโพ) โดยในตัวสถานี Yeongdeungpo ก็มี Underground Shopping ดักขาช็อปอยู่อีกด้วย

ล็อบบี้

Main Lobby 5fl.

เมื่อเข้าไปในตัวโรงแรมจะมี Main Lobby ตั้งอยู่ที่ชั้น 5 ก็สามารถกดลิฟต์ขึ้นไปได้เลย เมื่อเปิดลิฟต์มาก็จะเจอกับ Lobby พร้อมกลิ่นหอมๆ ผ่อนคลาย ซึ่งส่วนตัวชอบมากๆ พยายามเดินมองว่าเค้าใช้กลิ่นอะไรหนอ ก็หาไม่เจอ

ห้องพัก

Guest room, 2 Twin

ห้องพักที่เราเข้าพักในครั้งนี้ คือ Executive lounge access, Guest room, 2 Twin/Single Bed(s), High floor เป็นห้องแบบ 2 เตียง ขนาด 30sqm. ห้องที่ได้คือ 1403 อยู่ชั้นที่ 14 วิวฝั่งสถานีดับเพลิง

ซึ่งห้องพักขนาดขนาด 30sqm. นั้นกว้างขวาง เมื่อเทียบกับห้องพักในใจกลางโซลที่มักจะมีขนาดเล็กๆ กะทัดรัด ที่นี่สามารถกางกระเป๋าเดินทางได้เต็มที่ มีเครื่องใช้สอยครบครัน เตียงและผ้าห่มนอนสบาย อุ่น นุ่มเฟิร์มกำลังดี

ในครั้งนี้เหมือนเป็นอีกทริปที่มาฮันนีมูนกับคุณสามี ยังใช้มุกนี้ได้เนอะ พึ่งแต่งมา 6 เดือน จึงได้แจ้งโรงแรมไว้ว่าฮันนีมูน ทางโรงแรมเลยให้ไวน์กับชีสเป็นของขวัญ

ห้องน้ำที่ได้เป็นแบบ Shower/Tub combination ซึ่งหลังจากการเข้าพัก ก็พบว่านอกจากความลำบากในการขึ้นลงอ่างเวลาจะอาบน้ำแล้ว น้ำก็ระบายได้ไม่ค่อยดีด้วย เวลาอาบน้ำสระผมแล้วน้ำระบายไม่ทัน น้ำท่วมอยู่ในอ่างทุกครั้งตั้งแต่ยังอาบไปไม่นาน แต่ท้ายสุดก็ไหลลงหมดนะ ส่วนฟักบัวแรงดันน้ำดี แรงและนุ่ม ของใช้ในห้องน้ำก็มีให้ครบ พวกแชมพู ครีมนวด ครีมอาบน้ำ เป็นแบบกด หยิบกลับบ้านไม่ได้ กลิ่นหอมอ่อนๆ ผ่อนคลายดี สิ่งที่จะหยิบกลับมาได้คือ ครีมทาผิวที่เป็นหลอดเล็ก

หากแอร์ในห้องพักมันเย็นไม่หนำใจเท่าอากาศภายนอกก็สามารถเปิดหน้าต่างแง้มได้ตามสไตล์โรงแรมที่เกาหลี โดยที่นี่บานหน้าต่างมีมุ้งลวดมาเลื่อนปิดได้

Guest room, 2 Twin

อาหารเช้า

Breakfast at MoMo Cafe

อาหารเช้าของที่นี่สามารถลงมาทานได้ที่ ชั้น 5 ห้องอาหาร MoMo Cafe มีสเตชั่นที่ทำไข่ต่างๆ ทำก๋วยเตี๋ยว และโซนที่สามารถตักสลัด อาหารเกาหลี ขนมปัง โยเกิร์ต และซีเรียล โดยห้องอาหารจะค่อนข้างแน่นช่วง 8.30 – 9.30 แต่เราลงไปเวลาไหนก็ได้ที่นั่งตลอดนะ แค่คนแน่นหรือไม่แน่นเฉยๆ

รสชาติโดยรวมของอาหารก็ดีได้มาตรฐาน ทานได้หลายๆ อย่าง อิ่มทุกเช้า สิ่งที่ชอบในโซนขนมปังคือ Soft Roll และอีกอย่างที่ชอบคือตรงโซนชากาแฟมีแก้วกระดาษพร้อมฝา ให้เราสามารถชงเครื่องดื่มไปกินบนห้องหรือข้างนอกต่อได้ มีอเมริกาโน่เย็นด้วยนะเมนูโปรดของคนเกาหลีเค้าแหละ

คลับเล้าจ์

Executive Lounge

Executive Lounge ของที่นี่ตั้งอยู่บนชั้น 15 ของตัวโรงแรม มีเครื่องดื่มพวกชา กาแฟ น้ำอัดลมและขนมเล็กน้อยให้บริการ

ติดกันที่ชั้น 15 ก็มี Sky Garden ที่สามารถออกไปชมวิวได้ด้วย วิวดี เห็นวิวเมืองในหลายมุมเลย

ในส่วนของช่วง Happy Hour [hors d’oeuvres] จะมีในช่วง 17:30 – 19:30 ซึ่งตอนที่เข้าพัก ทางโรงแรมให้ไปทานที่ MoMo Cafe ชั้น 5 แต่จะคนละโซนกับตอนอาหารเช้า

มีปริมาณอาหารให้เลือกพอสมควรเลยและมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สิ่งที่คิดว่าเก๋ๆ เลย คือ เครื่องกดเบียร์นี่แหละ ที่เบียร์จะถูกเติมมาจากก้นแก้วขึ้นมาจนเต็มแก้ว ช่างน่าเล่นน่ากิน

Fitness Center

ฟิตเนสของที่นี่อยู่ที่ชั้น 4 ของโรงแรม มีเครื่องเยอะพอสมควร ขนาดห้องใหญ่ดี ไม่อึดอัด

การไปรถไฟใต้ดินจากที่โรงแรม

หากจะไปรถไฟใต้ดินช่วง 10:30 – 22:00 สามารถกดลิฟต์จากชั้น 5 ของโรงแรม ลงมาที่ชั้น B1 ซึ่งเป็น Times Square Shopping Mall เดินเชื่อมไปขึ้นรถไฟใต้ดิน โดยออกลิฟต์มาแล้วเลี้ยวซ้าย เดินตรงไปทางร้าน Starbucks Reserve ลงบันไดเลื่อนแล้วเดินเชื่อมประตูไปสู่ Yeongdeungpo Underground Shopping แล้ว จากนั้นเลี้ยวขวาเดินตรงไปเรื่อยๆ จะเจอกับห้าง Lotte และในส่วนของสถานีรถไฟใต้ดินและ KTX

หากเดินทางในช่วงเวลาอื่นๆ กดลิฟต์ลงชั้น 1 แล้วเดินจากหน้าโรงแรมไปลงสถานีรถไฟ Yeongdeungpo อีกทีก็ได้เช่นกัน ซึ่งวันที่เราต้องออกไปปูซานแต่เช้าด้วย KTX เราก็เดินเลียบถนนไปเรื่อยๆ แทน [รีวิวรถไฟ KTX First Class ไปกลับปูซาน >> https://bellejourneys.com/2022/11/04/review-ktx-first-class/]

สิทธิ์ประโยชน์อื่นๆ และส่วนลดในห้างหากพักที่นี่

อีกจุดเด่นคือ โรงแรมมีทางเชื่อมกับห้างที่ชั้น 5 เลย สามารถเดินออกประตูโรงแรมไปไม่กี่ก้าวก็เดินเข้าประตูห้างต่อ สะดวกสบายสำหรับทั้งการช็อปปิ้งหรือหาของกิน

การเข้าพักที่นี่ถ้าเราไปรับประทานอาหารตามร้านในลิสที่อยู่ในห้าง Times Square หากไม่ลืมโชว์คีย์การ์ดโรงแรมตอนจ่ายเงินก็ได้ส่วนลดด้วยนะ รวมถึงที่เที่ยวในห้าง ซึ่งที่เราไปลองมาแล้วจะมีลงรีวิวเพิ่มเติมดังนี้

Attraction:
ZOOLUNG ZOOLUNG (Indoor Zoo) >> https://bellejourneys.com/2022/12/12/review-zoolung-zoolung/

Restaurant:
Shake Shack Burger >> https://bellejourneys.com/2022/12/31/review-shake-shack/
Hanilkwan >> https://bellejourneys.com/2022/12/19/review-hanilkwan/
Muwol Table >> https://bellejourneys.com/2022/12/30/review-muwol-table/

รีวิวที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีใต้ทั้งหมด >> https://bellejourneys.com/abroad/korea/

สรุป

ข้อดีของการเลือกพักที่นี่คือ ห้องพักสบาย กว้างขวาง อาหารของที่โรงแรมเองหรือที่ใกล้ๆ รอบๆ ก็รสชาติดี คนที่มีสิทธิ์เข้าเล้าจ์ก็น่าจะชอบ โรงแรมอยู่ติดห้าง และมีร้านค้าโดยรอบเยอะ จะหาของกินหรือช็อปปิ้งก็สนุกเลย เอาตามตรงถ้าเป็นพวกแบรนด์เนมและแบรนด์ทั่วไปต่างๆ ห้างที่นี่ทั้งห้าง Shinsegae และห้าง Lotte มีของเยอะ มีครบ ไม่ต้องไปยื้อแย่งกันแบบในย่านยอดฮิตของนักท่องเที่ยวเลย จะหาไซส์หาสีก็ง่ายมีของ เดินสบายไม่ต้องเบียด เลือกดูเต็มที่ ซื้อแล้วทำ Tax Refund ได้กับทางห้าง ซุปเปอร์มาร์เก็ตก็มี E-Mart อยู่ชั้น B2 ใน Times Square โลเคชั่นโรงแรมอยู่ไม่ไกลสถานีรถไฟและเป็นสถานีที่มี KTX ด้วย นั่งรถไฟเปลี่ยนจังหวัดได้ง่ายเลยไม่ต้องไปที่ Seoul Station หรือ Yongsan Station

ข้อเสียนิดหน่อยที่ต้องแลกมา สถานีรถไฟสถานีนี้ค่อนข้างยากสักหน่อย สำหรับมือใหม่อาจจะงงๆ ในวันแรกๆ ขนาดเรามือไม่ใหม่ยังมีเบลอๆ เพราะสถานีค่อนข้างใหญ่และมันเชื่อมกับ KTX เลยจะงงได้ง่าย และสายรถไฟเป็น Line.1 สีน้ำเงิน จริงๆ ก็ใช้เชื่อมไปได้หลายที่ แต่สำหรับคนเที่ยวในเมืองเยอะๆ การเลือกพักโรงแรมที่อยู่ใกล้สถานีที่เป็นรถไฟใต้ดิน Line.2 สีเขียว ก็อาจจะเหมาะกว่าเพราะที่ท่องเที่ยวอยู่สายสีเขียวและสีส้มเยอะ กับอีกอย่างคือย่านนี้ไม่ใช้ย่านนิยมของนักท่องเที่ยวดังนั้นคนแถวนี้ แม่ค้าพ่อค้าจะพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้กัน แต่ให้ฟีลเที่ยวแบบ local ดีนะ ส่วนคนที่ได้ภาษาเกาหลีแบบเบื้องต้นบ้างอย่างเราก็ถือว่าไม่ใช่อุปสรรคนัก กับอีกเรื่องคือการเดินทางไปกลับสนามบินอินชอน ซึ่งที่ตอนที่เราไป Airport Limousine Bus สาย 6008 ยังไม่กลับมาวิ่งเลย ทำให้เราต้องใช้รถ Taxi แทน มีค่าใช้จ่ายราว 50,000 – 60,000 ₩ ต่อเที่ยว หรือใครของไม่เยอะจะใช้รถไฟก็ได้ แต่เราสังขารเริ่มแก่ ขอแบบสบายๆ สวยๆ ละกัน

Courtyard by Marriott Seoul Times Square
+82 2-2638-3000
https://maps.app.goo.gl/sj7oJVCiPXLbZXZY8?g_st=ic

https://www.marriott.com/en-us/hotels/selcy-courtyard-seoul-times-square/overview/

[Naver Map]
Courtyard By Marriott Times Square
서울 영등포구 영중로 15 타임스퀘어
https://naver.me/FcaSvKna

Review Saemaeul

รีวิว 새마을식당 Saemaeul Sikdang แซมาอึลชิกตัง

ร้านปิ้งย่าง Saemaeul เป็นร้าน The Original Korean BBQ ส่งตรงจากเกาหลี เชื่อว่าสาวกที่ชอบไปเที่ยวเกาหลีใต้บ่อยๆ ก่อนโควิดระบาด หลายคนต้องเคยแวะไปชิมร้านนี้กันมาสักสาขา โดยเฉพาะที่สาขาฮงแดยอดฮิตของนักท่องเที่ยว ซึ่งตัวเราเองไปเกาหลีทีไรก็แวะไปทาน เลยมีรูปตอนกินสาขาที่ฮงแดผสมรูปใส่เข้ามาในรีวิวนี้ด้วยเลย เพราะเจ้าโควิดผีร้ายทำให้ไม่สามารถเดินทางไปที่เกาหลีได้มาสองปีกว่าแล้วมีความจะลงแดง แต่ตอนนี้มีสาขามาเปิดที่ไทยแล้วจ้า ร้านตั้งอยู่ชั้น 7 ที่ CTW โซน Eden

ทางหน้าร้านมีระบบกดจองคิวหน้าร้าน และแบบออนไลน์ซึ่งแบบออนไลน์ต้องจองล่วงหน้า อีกทั้งถ้าเราแอดไลน์ของทางร้านจะสามารถเช็คคิวของหน้าร้านในระบบได้ด้วยว่าตอนนี้มีคิวหรือไม่ หรือมีอยู่กี่คิว ซึ่งเราทดสอบแล้ว แสดงผลตรงกับคิวหน้าร้านจริง

มาลองดูเมนูของทางร้าน

เราสั่ง Yeoltan Bulgogi 2 ที่ (Spicey+Soy)

อีกอย่างที่ขาดไม่ได้คือ แกงกิมจิ 7 นาที ที่เหมือนเป็น Signature ของทางร้าน
นอกจากนี้ก็ยังสั่ง Haemul Buchu Jeon

บรรดาเครื่องเคียงพันชั่น ขอเติมได้ตามสไตล์เกาหลี

Banchan

ตอนเรามาเราไม่ได้คาดหวังว่าจะอร่อยกว่าที่เกาหลีนะ แต่ปรากฎเราเซอร์ไพร์สมาก เพราะมันอร่อยกว่าที่เกาหลีด้วยซ้ำ


ภาพตอนที่ไปกินที่เกาหลี จะเห็นว่าแกงกิมจิน้ำข้นและสีแดงจัดกว่า เครื่องเคียงน้อยกว่าที่ไทย ที่นั่งก็แคบกว่าด้วย สำหรับสาขาฮงแด

ความแตกต่างที่พบ ได้แก่ ที่เกาหลีเราปิ้งย่างเอง ตักเครื่องเคียงพันชั่นเอง แต่ที่ไทยนี่นั่งเฉยๆ จ้า น้องพนักงานทำให้ทุกอย่าง ส่วนแกงกิมจิ 7 นาทีตอนเราไปเกาหลีมันเผ็ดไปสำหรับเรา เราเลยไม่ได้สั่งทุกครั้งที่ไปเพราะกินไม่ค่อยไหว พอมาลองสาขาที่ไทยรสชาตมันมายด์ขึ้น นุ่มนวลกลมกล่อมขึ้นสำหรับเรา ชอบมากเฉยเลย ในส่วนของเนื้อเราว่าคุณภาพคล้ายกันไม่รู้สึกว่าฝั่งไหนดีกว่ากันแบบชัดเจน

พิกัดสาขาที่เกาหลี สถานี Hongik Univ. (홍대입구) สาย 2 สีเขียว ออกทางออก 8 เลี้ยวเข้าซอยเดินตรงเข้ามาแล้วเลี้ยวซ้าย มองฝั่งตรงข้ามจะเจอร้าน
http://naver.me/xHiwMqrG

Hongdae branch

พิกัดสาขาที่ไทย Saemaeul Sikdang (새마을식당)
092 567 4585
https://www.facebook.com/saemaeul.thailand/

https://goo.gl/maps/R1sRAdCkLBkGg9d57