Review Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park – ep. 3

โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค

เป็นรีวิวที่ดองมาหลายเดือนหน่อย เพราะตอนที่ไปคือท้องแก่แล้ว อีกสัปดาห์ถัดมาก็คลอดลูกเลย จึงวุ่นวายกับการเลี้ยงเจ้าตัวเล็กมากๆ เว้นช่วงท่องเที่ยวมานานโขอยู่ เริ่มขุดรีวิวที่ดองไว้มาทำซะทีให้เคลียร์ก่อน น้องโตเที่ยวเป็นค่อยทยอยเก็บกันใหม่

ไปพักที่ Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park (โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนปาร์ค) โรงแรมในเครือ Marriott อีกครั้ง ครั้งนี้ใช้ SNA ของบัตรสมาชิก Upgrade ขึ้นมาเป็นห้อง 1 Bedroom Suite, M Club lounge access, 1 King

ซึ่ง Layout ห้องที่ได้ในครั้งนี้แตกต่างจากห้องเดิมที่เคยมาพักสักเล็กน้อย เพราะอยู่คนละมุมตึกกัน ห้องมีขนาดประมาณ 64sqm โดยในส่วนของห้องนอนมีหน้าต่างเปิดได้ 2 มุมเลย

เข้าห้องมาจะพบทางเดินลึก และขวามือเชื่อมกับห้องน้ำได้ มีเครื่องทำกาแฟและน้ำดื่ม

บริเวณห้องนั่งเล่นกว้างขว้าง พร้อมโซฟาและโต๊ะทำงาน

ภายในห้องนอนบรรยากาศสบาย กว้างมาก มีที่นั่งเพิ่มเติมในห้องนอนด้วย และมีประตูเลื่อนเชื่อมกับห้องน้ำ มีตัวช่วยในการนอนให้หยดหอมๆ ของ thisworks

ห้องน้ำขนาดใหญ่ จุใจ มีทั้งอ่างอาบน้ำและโซนชาวเวอร์ฝักบัว ที่กว้างมาก นั่งอาบ นอนอาบ กลิ้งได้ แต่ระวังพื้นลื่นนิดนึงถ้าเปียกน้ำ พวกแชมพู ครีมนวด ครีมอาบน้ำใช้ของ thisworks กลิ่นไปทางแนวขิง Ginger และของใช้อื่นๆ ครบครัน

วิวจากในห้องพัก

M Club Lounge ที่ชั้น 27 ตึก South

พนักงานบริการดีมากๆ รอบนี้ หรือเพราะเค้าเห็นเราท้องอ้วนๆ เดินดูปวดหลังไม่รู้ เลยพยายามเสนอตัวช่วยเอานู่นนี่ให้หลายอย่าง


ช่วง 12:00 – 15:00 เป็น Finger Sandwich ก็มีขนมเบเกอรี่และผลไม้บริการ


ตอนเย็น 17:00 – 20:00 ก็เป็นช่วง Evening Cocktails ที่มีบริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และมีอาหารพอสมควรให้อิ่ม

Goji Kitchen

อาหารเช้าลงมาทานที่ Goji Kitchen ตามเคย อาหารหลากหลายเฉกเช่นทุกครั้ง ที่จะไม่ผิดหวัง ทั้ง station ไข่ เบเกอรี่ ข้าวต้ม ก๊วยเตี๋ยว ข้าวขาหมู ข้าวเหนียวหมูปิ้ง น้ำพริกอ่อง แคปหมู ผลไม้ และน้ำต่างๆ

Lobby & Siam Tea Room

Update as of June 2024

มีโอกาสไปทานอาหารที่โรงแรมเลยแวะไปทางเชื่อมไปสวนเบญจสิริที่ปรับปรุงใหม่สวยงาม เดินเชื่อมกับ Emphere ได้ด้วยเลยนะ

Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park
02 059 5555
https://goo.gl/maps/8FLtMDZzXE4cztqi6

Review Marriott Bangkok The Surawongse

รีวิว โรงแรม แบงค็อกแมริออท เดอะ สุรวงศ์

โรงแรม Marriott Bangkok The Surawongse โรงแรม 5 ดาวในเครือ marriott ตั้งอยู่ในย่านสุรวงศ์ ใกล้สีลมและเป็นโรงแรมที่มี city วิวที่ดีทีเดียว ถ้าขับรถมาแล้วไม่ชำนาญอาจมีงงๆบ้างนิดๆ เพราะถนนเป็นวันเวย์

Lobby อาจจะไม่ได้กว้างขวางมากแต่ก็มีเคาท์เตอร์พอสมควรและบริการได้อย่างรวดเร็ว

ห้องพัก


ในรอบนี้เราได้ห้องพักประเภท 1 King Bed, 1 Bedroom Residential Suite ขนาด 65 sqm. ห้อง 2110 ซึ่งจริงๆ จองห้องแบบธรรมดาแต่กดใช้ SNA ของสมาชิก Marriott Bonvoy จึงได้อัพเกรดมาพักที่ห้องนี้

ห้องพักมีขนาดกว้างขวางอยู่สบายมาก โดยเฉพาะเป็นห้องแบบ Resident เลยทำให้มีโซนครัวใหญ่ มีเตาอบ ไมโคเวฟ เครื่องล้างจาน รวมไปถึงมีตู้เย็นขนาดใหญ่ และมีเครื่องซักผ้าด้วยเลย แต่เราก็ไม่ได้ใช้สิ่งเหล่านี้หรอก นอกจากแช่น้ำในตู้เย็น

รอบนี้ที่มาคือพาคุณสามีมาฉลองวันเกิดและได้แจ้งกับทางโรงแรมไว้ ซึ่งทางทีม M Club ก็ได้เตรียมดอกไม้ เค้ก การ์ดและไวน์ให้ภายในห้องประทับใจมากๆ

บริเวณห้องรับแขกมีโซฟาขนาดใหญ่หรูหรา นั่งนอนกลิ้งสบาย

ห้องนอน

ก็มีขนาดกว้างขวาง ในห้องนอนยังมีโซฟาแนวเดย์เบดอีกชุด นอนบนเตียงก็หลับ มานั่งเล่นก็หลับได้อีกดูดวิญญาณ

ห้องน้ำ

ห้องน้ำหรูหรากว้างขวางมีเครื่องใช้ครบครัน น้ำแรงและระบายเร็ว อาบน้ำฟิน แต่ต้องระวังลื่นเพราะพื้นเป็นหินอ่อนเงาไม่ด้านและไม่มีการทำเส้นคลื่นกันลื่น ดังนั้นอาบน้ำแล้วต้องระวังลื่นซะหน่อย ส่วนพวกแชมพูครีมอาบน้ำใช้ของ Thisworks จะว่าหอมก็หอมสดชื่นดีแต่ไม่ค่อยใช้ทางเรา สำหรับพวกยูคาลิปตัสหรือขิง

M Club Lounge

หากจองห้องพักแบบมีสิทธิ์เข้าหรือบัตรสมาชิกที่ระดับถึง ก็สามารถเข้าใช้บริการได้ตลอดเวลาที่ชั้น 31 โดยจะมีช่วง Breakfast ตอน 06:00-11:00 Evening Cocktails ตอน 17:30-19:30 ส่วนเวลาอื่นๆ ก็มีเครื่องดื่มและของทานเล่นให้บริการ

เล้าจ์มีขนาดกว้างขวางดี มีวิวหลายมุมหลายโซน ยกให้เป็นหนึ่งในเล้าจ์ที่มีวิวกรุงเทพที่ดีที่สุดแห่งนึงเลย เห็นทั้งวิวตึกและวิวแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย

ของทานเล่นช่วงบ่ายที่เล้าจ์วันแรกเจอแซนวิชส่วนอีกวันข้าวปั้นไส้ปลาแซลมอน แล้วก็มีผลไม้และขนมแห้ง เช่น กล้วยโรยผงปาปริก้าที่เจอได้ในหลายโรงแรมในเครือนี้ แต่แอบอยากให้มีฝาปิด เพราะพอขนมอบแห้งกรอบๆ มานโดนแอร์นานๆ เหมือนมันกรอบน้อยลงอ่ะ

ช่วง Evening Cocktails

มีพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และ mocktail และในส่วนของอาหารวันที่เราไปพักก็มีข้าวมันไก่ ต้มยำกุ้งแม่น้ำ ซุปข้าวโพด ผัดผัก ทอดมันกุ้ง สลัด และขนมหวานขนมเค้ก อิ่มจุก รสชาติดี

อาหารเช้า

เราไม่ได้ไปทานที่ห้องอาหารพระยาคิทเช่น แต่มาทานบนเล้าจ์ ซึ่งก็มีอาหารหลากหลาย มีเมนูไข่ให้เลือกและอาหารเช้าสไตล์ฝรั่ง ก๊วยเตี๋ยวต้มยำหรือน้ำใส ข้าวต้มพร้อมเครื่องให้เลือกใส่ ขนมปัง ซีเรียล สลัด ผลไม้ โยเกิร์ต และเครื่องดื่มหลากหลายให้เลือกหยิบจากในตู้ อิ่มจุกดีงามไปตามระเบียบค่ะ

ส่วนกลางอื่นๆ

สระว่ายน้ำ คืออีกทีที่ควรมาค่ะ วิวดีแท้ๆ แนะนำมาช่วงแดดจัดๆ คนน้อยหน่อย เพราะพอบ่ายแก่ๆ เย็นๆ คนเยอะเชียว อยู่ริมขอบสระถ่ายรูปกันเต็ม

ยิม
มีเครื่องเล่นให้หลากหลายพอสมควร พร้อมวิว ไม่อึดอัด

ห้องเด็กเล่น
มีห้องให้พาเด็กเข้ามาเล่นได้ด้วย มีของเล่นหนังสือนิทาน ขนาดไม่ใหญ่มาก แต่เด็กๆ น่าจะชอบ

ห้องจัดเลี้ยงที่นี่ก็มีหลากหลายห้อง ดูหรูหรา มีโซนที่แยกตึกออกไปด้วย แบบมีสวน วันที่ไปพักก็มีคนมาจัดงานแต่ง หรือจะขึ้นไปกินอาหารที่ Yao rooftop เพื่อดูวิวมุมสูงเปิดโล่งก็น่ามามากๆ เลย

สรุปแล้วเป็น 1 ในที่ที่ประทับใจมากๆ ทั้งการบริการ ห้องพักที่รู้สึก layout ลงตัว อยู่สบายมากๆ อาหารดีอร่อย เป็นที่ที่อยากกลับไปแวะเวียนอีกเพราะประทับใจ

Bangkok Marriott Hotel The Surawongse

https://maps.app.goo.gl/zbeDdAqD3Q95r4kh8?g_st=ic

262 Thanon Surawong, Si Phraya, Bang Rak, Bangkok 10500

02-088-5666

Review Sheraton Grande Sukhumvit, A Luxury Collection Hotel, Bangkok – Ep.4

รีวิว เชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล – รอบ 4

ในครั้งนี้เรากลับมา Sheraton Grande Sukhumvit, A Luxury Collection Hotel, Bangkok ในเครือ Marriott อีกครั้ง โดยมาเข้าพักที่ห้องประเภท Luxury Suite 2 Double Beds, Junior Suite ขนาด 70sqm

ห้องที่เราได้คือ 1012 อยู่ชั้นเดียวกับห้องธีมสวีทที่ตกแต่งแบบไทยของทางโรงแรม ซึ่งเราเองก็ยังไม่เคยได้ลองพักเช่นกัน

Luxury Suite 2 Double Beds

เปิดเข้าห้องมาจะพบกับทางเดินยาวๆ และทางเข้าห้องน้ำทางขวามือที่เชื่อมกับห้องน้ำในห้องนอน

Luxury Suite 2 Double Beds – Bathroom

บริเวณห้องนั่งเล่น โต๊ะทำงาน มี welcome fruit และเค้กให้ เนื่องจากเรามาฉลอง anniversary 1 ปี มีบริการ butlers service ซึ่งเราก็ขอน้ำส้มกับกาแฟเข้ามาในห้อง

Luxury Suite 2 Double Beds – Living Room

ภายในห้องนอน และ walk in closet มีทีวีที่ซ่อนในผนังด้วย

Luxury Suite 2 Double Beds
Luxury Suite 2 Double Beds – Walk in closet

ห้องน้ำของห้องนี้มีขนาดใหญ่ ที่เชื่อมทั้งห้องนอนและห้องนั่งเล่น ที่แตกต่างเลยจากทุกครั้งที่มาคือ ห้องนี้ห้องน้ำไม่ได้เป็นแบบตกแต่งด้วยกระเบื้องเขียว ซึ่งก้อดูหรูหราลักซ์ชูไปอีกแบบ กับพวกแชมพู ครีมนวด ครีมอาบน้ำ เปลี่ยนเป็นแบบขวดปั๊มใหญ่ เอากลับบ้านไม่ได้แล้ว ยี่ห้อ Byredo แทน Thann กลิ่นตะไคร้ขวดจิ๋วแบบรีวิวที่ผ่านๆ มา ซึ่งหอมดีนะ ใครชอบก็มีจุดขายที่โรงแรมแถวตรงหน้ายิม

มาเดินเล่นบริเวณสระว่ายน้ำสูดอากาศสักแปป

ตกบ่ายก็มานั่งจิบชาที่เล้าจ์ตรง the library

พอตอนเย็นก็มาช่วง cocktails ที่ the living room มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เสิร์ฟไม่อั้นตลอด 2 ชั่วโมง และพวกคานาเป้พออิ่มเบาๆ มีดนตรีขับกล่อม

วันรุ่งขึ้นเราตื่นสายอีกแล้ว ก็เลยมาทานข้าวเช้าที่ Rossini’s อีกเช่นเคยเหมือนครั้งก่อนๆ วันที่ไปสังเกตว่ามีไลน์อาหารญี่ปุ่นเยอะขึ้น เช่น โซบะ แซลมอน และผลไม้ที่ทุกคนฟาดฟันกัน เติมหมดเติมหมด คือ มะม่วงน้ำดอกไม้ หวานอร่อย

โดยรวมคือยังประทับใจและอบอุ่นเหมือนเช่นทุกครั้งที่มา service มาตรฐานดีไม่มีตกเลย เป็นหนึ่งในที่ที่มาแล้วสบายใจมาก

รีวิวเก่าที่เกี่ยวข้อง

Ep.3 ห้อง Luxury Room >> https://bellejourneys.com/2022/07/07/review-sheraton-grande-sukhumvit-3/

Ep.2 ห้อง Grande Suite >> https://bellejourneys.com/2022/04/10/review-sheraton-grande-sukhumvit-2/

Ep.1 ห้อง Grande Room >> https://bellejourneys.com/2021/11/15/review-sheraton-grande-sukhumvit/

Sheraton Grande Sukhumvit, a Luxury Collection Hotel, Bangkok
02 649 8888
https://goo.gl/maps/zEykpGyH53T1ub1T6

Review The Westin Grande Sukhumvit Bangkok Hotel

รีวิว โรงแรม เดอะ เวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท กรุงเทพ

เบ๋วเจอนี่ที่โรงแรม The Westin Grande Sukhumvit ครั้งนี้เราเลือกมาฉลองวันเกิดของเรากันที่นี่ เป็นโรงแรมเก่าแก่ที่เราเห็นมาแต่เด็กๆ จนตอนนี้เริ่มแก่ก็พึ่งได้มาลองพักนี่แหละ ครั้งนี้เรากดใช้ SNA (Suite Night Award) ของบัตรสมาชิก Marriott Bonvoy เลยได้อัพเกรดจากห้องพักแบบธรรมดาขึ้นมาเป็นห้องพักประเภท 1 King Bed, City View, Club Lounge Access, Suite ขนาด 70sqm

1 King Bed, City View, Club Lounge Access, Suite

Location ตำแหน่งที่ตั้ง

จุดเด่นก็อยู่ใจกลางอโศกอยู่แล้วติดทั้งห้างไม่ว่าจะเป็น Terminal21 หรือห้างโรบินสันที่อยู่ตึกเดียวกัน แถมยังติดรถไฟฟ้า BTS สถานีอโศก สำหรับผู้ที่ขับรถมาที่โรงแรมและจะขับขึ้นไปจอดรถเองนั้น ก็ต้องทำใจขับวนขึ้นไปจนถึงชั้น 5-6 เพื่อจอดชั้นจอดของทางโรงแรม จอดแล้วไม่อยากวนรถออกไปไหนเลยค่ะ เที่ยวเล่นแถวโรงแรมแบบไม่ขับรถไปเลยง่ายสุด

1 fl. Lobby

Check in – Check Out

Main Lobby 7 fl.

Main Lobby ของโรงแรมอยู่ที่ชั้น 7 และหากเป็นสมาชิกบัตร Marriott Bonvoy ระดับ Platinum Elite ขึ้นไป ก็สามารถไปดำเนินการเช็คอิน เช็คเอาท์ ที่บนคลับเล้าจ์ชั้น 24 ได้ โดยพนักงานFront Desk จะพาขึ้นไป

Suite – ห้องพักสวีท

1 King Bed, City View, Club Lounge Access, Suite

เราได้พักห้อง 1507 ห้องประเภท 1 King Bed, City View, Club Lounge Access, Suite ขนาด 70sqm เมื่อเปิดเข้ามา ในห้องจะพบกับห้องน้ำทางขวามือและห้องนั่งเล่นขนาดกว้างขวางก็มีการจัดตกแต่งห้องต้อนรับการมาฉลองวันเกิดด้วยการวางแจกันดอกไม้สดต้อนรับ มีมุมที่มีเครื่องทำกาแฟแบบแคปซูลให้บริการหรือจะชงชาก็ได้เช่นกัน

สักพักทางโรงแรมก็เคาะห้องยกเค้กและการ์ดอวยพรจากทีมโรงแรมตามเข้ามาเพิ่มให้อีก

Birthday Cake & Card

เข้ามาต่อที่ห้องนอน ทางทีมแม่บ้านได้บรรจงแต่งเตียงด้วยกลีบดอกไม้ น้องช้าง และการ์ดจากทีมแม่บ้านเขียนมือ ให้กับการมาฉลองวันเกิดของเราไว้ให้อย่างสวยงาม ในห้องนอนก็มีโซฟาอีกหนึ่งตัว

จุดเด่นที่นอกจากจะเป็นเตียงและหมอนอันเลื่องชื่ออย่าง Heavenly แล้ว ข้างหัวเตียงยังมีLavender Balm หอมๆ ให้กลิ้งใช้หอมอ่อนๆ สบายๆ ชวนนอนและผ่อนคลาย

Westin Lavender Balm

พอเดินลึกเข้ามาก็จะเจอกับโต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า

และห้องน้ำ ที่มีอุปกรณ์เครื่องใช้ครบครัน

แต่ข้อเสียนึงที่เราพบคือ น้ำฝักบัวและ Rain shower ไหลอ่อน แถมการระบายน้ำก็ไม่ค่อยดี แต่พอมาลองใช้ฝักบัวในอ่างอาบน้ำ น้ำแรงดีเฉยเลย แต่พวกแชมพู ครีมนวด ครีมอาบน้ำมันดันเป็นแบบขวดใหญ่ๆ ติดผนัง ก็จะมาอาบที่อ่างแทนก็ไม่ได้อีก

Westin Club Lounge

Westin Club Lounge

เล้าจ์อยู่บนชั้น 24 มีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็เพียงพอ แบ่งเป็นโซนห้องเล็กๆ ต่อๆ กัน

ช่วง Afternoon Tea 12:00-16:00

มีขนมและผลไม้ให้บริการ แต่เท่าที่ลองชิม ตัวสโคนชาเขียวไม่อร่อยเลยสำหรับเรา มันแข็งและรสแปลกๆ เราเข้าไม่ถึง

Westin Club Lounge – Afternoon Tea
ช่วง Evening Cocktails 18:00-20:00

มีอาหารร้อนให้บริการรวมด้วยนิดหน่อย พร้อมด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

อาหารเช้า

ครั้งนี้เราก็ขึ้นมาทานที่เล้าจ์ มีเมนูหลากหลายเพียงพอครบครัน เครื่องดื่มในตู้แช่ก็เปลี่ยนไปเป็นมีพวกนมและโยเกิร์ต

สำหรับพวกไข่ต่างๆและขนมสามารถออเดอร์สั่งได้เลย

Westin Club Lounge – Breakfast

จากทั้ง 3 มื้อที่เรามาทานที่เล้าจ์เราชอบมื้อเช้านี้สุด อร่อยมากหลายอย่างเลย แฮปปี้

ส่วนกลางอื่นๆ

ในส่วนของสระว่ายน้ำและยิมไม่ได้ถ่ายรูปมา เนื่องจากมีขนาดไม่ใหญ่มากและมีคนเยอะในจังหวะที่เราไป เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาแชร์เพื่อ privacy ของผู้อื่นและเราขี้เกียจเบลอหน้าคน

สรุป
  • การบริการ : พนักงานทุกคนทำได้ดี ดูแลดี
  • สถานที่ : โลเคชั่นดีงาม ข้อเสียนิดหน่อยสำหรับผู้ขับรถมาที่ต้องจอดรถชั้นสูง
  • การตกแต่ง : โรงแรมค่อนข้างอยู่มาเก่าแก่มีอายุแล้ว การตกแต่งก็จะไม่ค่อยโมเดิร์นและเพดานไม่สูง
  • อาหาร : โดยรวมคือดี มีมาตราฐาน มีของอร่อยๆ ให้เลือกทาน

Review Le Méridien Bangkok

รีวิว โรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพ

โรงแรม Le Méridien Bangkok เป็นโรงแรมในเครือ Marriott โดยโรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพ ตั้งอยู่ในซอยสุรวงศ์ ใกล้พัฒน์พงศ์ และสไตล์การตกแต่งของโรงแรมมีความเป็น เหมือน art gallery นิดๆ

Lobby and Latitude 13°

เรามาเข้าพักเมื่อวันที่ 1 กันยายน ซึ่งบริเวณ Lobby หลังวันที่ 30 สิงหาคม 2565 ทางโรงแรมได้เปลี่ยนแปลงการตกแต่งหน้าโรงแรมใหม่จาก Man with Poodle ภาพขนาดใหญ่บริเวณหน้าโรงแรม เป็นเหล่าแก๊งค์ “ไอ้จุด” ประติมากรรมสุนัขแสนขี้เล่น สร้างสรรค์โดยคุณวศินบุรี สุพานิชวรภาชน์ ศิลปินท้องถิ่นจากจังหวัดราชบุรี ที่มารอต้อนรับแขกทุกคนแทน🐾

ห้องพัก (Suite, 2 twin, Corner room)

Suite, 2 twin, Corner room

ในครั้งนี้ตอนแรกเราจองห้อง type เริ่มต้น แต่กดใช้ Suite Night Award (SNA) ของบัตรสมาชิก Mariott Bonvoy และได้ตอบรับจึงได้อัพเกรดขึ้นมาอยู่ห้อง Suite, 2 twin, Corner room ขนาด 78sqm แทน ซึ่งตอนแรกที่กด SNA จะมีตัวเลือกแค่ห้อง Suite แบบ King bed เท่านั้น แต่พอใกล้ๆ วันเข้าพัก ก็มีอีเมลจาก Royalty Manager ส่งมา เราจึงได้อีเมลไปแจ้งกลับโรงแรมขอเปลี่ยนเป็นห้อง Suite ที่เป็นเตียง Twin แทน เพื่อการนอนหลับที่ดีขึ้น เพราะคืนที่ไปเข้าพัก คุณสามีจะตื่นออกไปดูบอลตอนกลางดึก เราก็ไม่อยากรู้สึกตัวตื่นตาม เลยแยกเตียงซะเลย ซึ่งทางโรงแรมก็ช่วยเปลี่ยนให้

รวมถึงการขอใช้สิทธิ์ early check in และ late check out ซึ่งวันที่ไปเป็น weekday แขกคงเข้าพักไม่เต็ม ทางโรงแรมเลยยอมให้ทำได้ทั้งคู่ ซึ่งเราก็รู้สึกขอบคุณมากๆ เพิ่มความคุ้มค่าในการเข้าพักครั้งนี้ให้พักผ่อนอยู่ยาวๆ

ห้องที่เราได้คือห้อง 1623 ซึ่งห้องมีขนาดกว้างขวางอยู่สบายเหมาะแก่การพักผ่อนสุดๆ นั่งทำงานก็ชิว พักผ่อนก็ฟิน ตัวห้องพักแบ่งโซนระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอน เปิดเข้ามาก็จะเจอกับโซนห้องนั่งเล่นที่มีโซฟาขนาดใหญ่ มีเครื่องทำกาแฟของ illy และชาให้เลือก

Suite, 2 twin, Corner room

ห้องนอนจะอยู่ตรงมุมตึกพอดี จึงเห็นวิวได้ 2 ทิศทางเลย เก้าอี้สีขาวที่อยู่ในห้องนอนนี่เป็นตัวโปรดเราเลย นั่งสบายอย่างเหลือเชื่อ

ห้องน้ำมีขนาดใหญ่ พร้อมเครื่องใช้ครบครัน พวกแชมพู ครีมนวด ครีมอาบน้ำ และสบู่ ที่นี่ก็แปลกตาและหอมดี เป็นของ MALIN+GOETZ กลิ่น เปปเปอร์มิ้นท์ หอมอ่อนๆสดชื่น

และเป็นครั้งแรกที่เราเจอห้องน้ำแบบมี shower และ rain shower 2 ชุด อาบฟินสุด น้ำแรงสะใจ การระบายน้ำภายในห้องอาบน้ำก็ดีมาก ไม่มีท่วม

Suite, 2 twin, Corner room – Bathroom

อีกอย่างที่เท่มากๆ ของห้อง Suite ที่นี่คือ ลำโพง Marshall และไดร์เป่าผม Dyson กับเตรียมปลั๊กต่อพ่วงให้ด้วยเผื่อนั่งทำงานแล้วอยากเสียบไฟหลายอย่าง

อาหารเช้า

ทานที่ห้องอาหาร Latest Recipe ชั้น 2

Latest Recipe

อาหารมีตัวเลือกหลากหลายดี ทั้งก๋วยเตี๋ยว อาหารตะวันตก อาหารญี่ปุ่นมีแซลมอนย่างและไข่ออนเซน อาหารไทย อาหารอินเดีย สลัด ซีเรียล ขนมปัง ปิดท้ายด้วยผลไม้และของหวาน

อีกหนึ่งจุดเด่นของที่นี่ คือ station ไข่ โดยมีเมนูพิเศษในวันที่เรามาคือ ไข้ข้นต้มยำกุ้ง และ ผัดไทไร้เส้นห่อไข่ ซึ่งควรลอง อร่อยมาก รสชาติงามแปลกใหม่ สีสันน่ากิน ถ่ายรูปสวยแน่นอน

Phad thai rai sen hor kai & Kai koen tom yum goong
Breakfast

Club Lounge Benefit

ตอนที่ไปเล้าจ์ยังไม่กลับมาเปิดให้บริการ แต่สามารถเข้ามาทานเครื่องดื่มตลอดเวลา รวมถึงช่วง Afternoon Tea 14:00-16:00 ได้ที่ Latitude 13° แทน ซึ่งเราได้ใช้บริการ 2 วัน ขนมก็เปลี่ยนไปไม่ซ้ำกัน

ส่วนช่วง Creative Hour 17:00-19:00 สามารถใช้บริการได้ที่ Latest Recipe ซึ่งคุณสามีชอบไวน์แดงของที่นี่ที่เสิร์ฟให้ พนักงานก็คอยบริการดีมากๆ เติมไม่อั้น ไม่ยั้ง ขยันสุด จนคนกินกินไม่ไหว มีทั้งอาหารร้อนที่เขียนสั่งตามตัวเลือก และอาหารเย็นที่เลือกหยิบได้เอง

สระว่ายน้ำ

Swimming pool

สระว่ายน้ำที่นี่อยู่ที่ชั้น 6 ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่มาก บรรยากาศดี พร้อมที่นั่งชิวๆ ที่มีจำนวนเพียงพอ เห็นวิวตึกมหานคร มี complimentary เสิร์ฟน้ำเปล่าและผ้าเย็นกลิ่นเปปเปอร์มิ้นท์อ่อนๆ ให้สดชื่นด้วย

Swimming pool

ห้องฟิตเนส

Fitness

อยู่ที่ชั้น 6 เหมือนกับสระว่ายน้ำ มีอุปกรณ์เครื่องเล่นเยอะดี มีน้ำดื่มให้บริการด้วย

นอกจากการมาเข้าพักที่นี่แล้ว เรายังได้มาลองชิมเซทอาหารกลางวัน La Cantine ของห้องอาหาร Latest Recipe ด้วย สามารถตามอ่านรีวิวที่ลิ้งค์นี้เลย >> coming soon

สรุป ถือว่าเราประทับใจโรงแรมนี้ มีโอกาสหากอยากหาที่พักผ่อนอีกก็จะกลับมาใหม่ ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีตัวเลือกนึงเลย พนักงานบริการดีทุกคน ข้อเสียของที่นี่ที่พบคือ ที่จอดรถแคบไปนิดนึง กับห้องพักก็แอบเหมือนได้ยินเสียงห้องอื่นได้ง่ายหรือได้ยินจากตามทางเดิน แต่เราอยู่ห้องมุมเลยตัดปัญหานี้ออกไปโดยเฉพาะห้องนอนที่อยู่มุมในสุด ก็นอนสบาย แต่ด้วยความที่เราอยู่ชั้นค่อนข้างสูงด้วย เลยไม่แน่ใจเหมือนกันว่าถ้าอยู่โซนชั้นล่างๆ หน่อยจะมีปัญหาเสียงรถยนต์ที่วิ่งผ่านหน้าถนนรบกวนหรือเปล่า

แถมท้าย เบ๋วเจอนี่! คุณฮงซอกชอน (Hong Seok Cheon) นักแสดงชาวเกาหลีใต้ ซึ่งมาเที่ยวพักผ่อนที่เมืองไทย แล้วมาเจอกันพอดีที่สระว่ายน้ำของโรงแรม ซึ่งคุณเค้าเป็นกันเองมาก ถ่ายเซลฟี่ให้ด้วย

Le Méridien Bangkk

02 232 8888

https://maps.app.goo.gl/RSa4SSpENY1NaMHTA?g_st=ic

Service.LMBKK@lemeridien.com

https://www.marriott.com/en-us/hotels/bkkdm-le-meridien-bangkok/overview/

รีวิวอื่นที่เกี่ยวข้อง La Cantine by Latest Recipe at Le Méridien Bangkok >> https://bellejourneys.com/2022/09/06/review-la-cantine/

Review Sheraton Hua Hin Resort & Spa – Ep.2

รีวิว เชอราตัน หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา – รอบ 2

เบ๋วเจอนี่กลับมาทำรีวิวที่ Sheraton Hua Hin Resort & Spa โรงแรมในเครือ Marriott อีกครั้งในปีนี้ เนื่องจากรอบนี้ออฟฟิศเรามาสัมมนาที่นี่ จึงได้มาพักอีกครั้ง

Lobby

ครั้งนี้เราเอาแผนที่ในตึกต่างๆ ในโรงแรมมาฝากด้วย โซนห้องพักมีทั้งหมด 8 ตึก โดยตึกที่ใกล้ทะเลสุดคือ ตึก 4 และ ตึก 8 ตามภาพผังด้านล่าง

Resort Layout

ห้องพัก Lagoon Access

ในครั้งนี้จริงๆ แล้วจองมาแบบห้อง Garden แต่เนื่องด้วยบัตรสมาชิก Marriott Bonvoy Platinum Elite พนักงานจึงอัพเกรดมาให้เป็นห้อง Lagoon Access King [Guest room, 1 King, Sofa bed, Poolside view, Large Lagoon access] ขนาด 49sqm ห้องที่เรามาพักคือ 7115 อยู่ตึก 7 ชั้น 1 ห้องหัวมุม

ห้องพักมีการตกแต่งและ Layout คล้ายๆ กันทุกห้อง ต่างกันที่วิวเป็นหลัก โดยห้องนี้จะติดกับสระว่ายน้ำ สามารถเดินลงน้ำจากระเบียงห้องพักเราได้เลย

ห้องน้ำมีขนาดใหญ่ แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปจากคราวก่อนคือ สบู่ แชมพู ครีมนวดผม ครีมอาบน้ำ เปลี่ยนยี่ห้อไปแล้ว และเปลี่ยนเป็นแบบขวดปั๊มใหญ่ติดผนังที่แอบหยิบกลับบ้านมาไม่ได้ และในครั้งนี้ไม่ได้วางชุดแปรงสีฟันยาสีฟันไว้ให้ แต่ขอได้ แม่บ้านจะนำมาให้

สิ่งที่ยังไม่ชอบยังคงเป็นแบบเดียวกับครั้งก่อน คือ ฝักบัวของที่นี่ ที่มันติดผนัง ไม่มีสาย รู้สึกใช้ไม่สะดวก ต้องพยายามเอนหลบโยกย้ายตัวเอง เวลาอาบน้ำ ครั้งก่อนๆ เราแก้ปัญหาโดยหนีมาใช้ในอ่างอาบน้ำเพราะมีฝักบัวแบบมีสายฝังอยู่ แต่ครั้งนี้พอเปลี่ยนเป็นไม่ใช้พวกครีมอาบน้ำขวดเล็กๆ เราจะหนีมาอาบที่อ่างอาบน้ำแทนก็ลำบาก เพราะครีมอาบน้ำมันติดอยู่แต่ในโซนฝักบัวชาวเวอร์ ก็กระเด็นผมเปียกไปบ้าง ใส่หมวกอาบน้ำแก้ปัญหาผมจะเปียกไปแทน

Guest room, 1 King, Sofa bed, Poolside view, Large Lagoon access

ห้อง Suite

แอบถ่ายรูปห้อง suite ขนาด 98sqm ของผู้ร่วมเดินทางมาฝากเล็กน้อย เป็นห้อง 8108 อยู่ตึก 8 oceanfront ที่อยู่ใกล้ทะเล ห้องอยู่ชั้น 1 ห้องมุม ภายในห้องมีขนาดกว้างขวางมาก แยกระหว่างห้องนอนและห้องนั่งเล่น ห้องน้ำมีขนาดใหญ่แบ่งโซน และมีอ่างล้างหน้า 2 อัน สามารถเดินเข้าห้องน้ำได้จากประตูจากห้องนั่งเล่นและจากห้องนอน ภายนอกมีระเบียงยาว มีทางประตู access ไปที่สวนและเดินต่อไปชายหาดได้เลย อุปกรณ์เครื่องใช้ในห้องน้ำก็จัดเตรียมไว้ให้เยอะกว่าห้องปกติ เช่น น้ำยาบ้วนปาก อุปกรณ์เย็บผ้า

ห้องจัดงาน

ในเมื่อครั้งนี้มาสัมมนา เราเลยมารีวิวห้องจัดงานของที่นี่บ้าง ห้องที่เราใช้ในการสัมมนาคือ ห้อง The Chandelier 1 ซึ่งห้องมีขนาดกว้างขวาง เพดานสูง หรูหราด้วยแชนเดอเรียโคมระย้า อุปกรณ์ จอ ครบครัน ถือว่าที่นี่เป็นหนึ่งในโรงแรมที่เหมาะมาสัมมนามากๆ เลย เพราะมีห้องจัดงานให้บริการหลากหลายห้อง

The Chandelier 1

อาหารที่ทางโรงแรมจัดให้ช่วงเบรคของการประชุม ก็อร่อยหลายอย่าง มีลิสมาให้ผู้จัดงานเลือก ขนมและเครื่องดื่มบางอย่างอาจจะหวานไปนิดนึง แต่ก็ของหวานอ่ะ ก็ต้องหวานแหละ

สำหรับอาหารที่จัดเลี้ยงก็อร่อยทุกอย่าง ไม่มีอะไรที่กินแล้วไม่อร่อยหรือกินไม่ได้ บอกเลยว่าอิ่มมาก โดยอาหารกลางวันทางโรงแรมให้กลุ่มของออฟฟิศเรามาทานบุฟเฟ่ส่วนตัวที่จัดไว้ที่ห้องอาหาร InAzia แต่ไม่ได้เก็บรูปในส่วนนั้นมาฝาก

อาหารเช้าที่ The Desk

The Desk – outdoor

สามารถนั่งทานได้ทั้งโซน indoor และ outdoor แต่อาหารและเครื่องดื่มจะจัดวางไว้ในโซน indoor

เหมือนกับที่รีวิวไปครั้งก่อนตอน ep.1 อาหารมีให้เลือกหลากหลาย กินอิ่มยันบ่าย skip ข้าวกลางวันเลยยังได้ ทั้งอาหารไทย ตะวันตก ขนมจีบซาลาเปา ก๋วยเตี๋ยว สลัด น้ำผลไม้ ชาไทย กาแฟเย็น ช็อกโกแล็ตเย็นก็มีให้เลือก

Luna Lanai

ครั้งนี้เรายังแวะกลับไปจิบเครื่องดื่มที่ Luna Lanai อีกครั้ง เพราะเราว่าเป็นจุดที่นั่งชิว มองวิวทะเล รับลม ได้ดี จะนั่งมองวิวก็ผ่อนคลายเพลินๆ หรือจะนั่งทำงานไปด้วยก็ได้

Sundara Sports Lounge

ตามชื่อเลย ภายในเล้าจ์มีเครื่องดื่มและอาหารนานาชาติให้บริการ พร้อมจอทีวีที่ฉายกีฬาแบบถ่ายทอดสด เหมาะกับผู้อยากมานั่งชิวในห้องแอร์และผู้ที่อยากรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาต่างๆ

The Elite

โซนต้อนรับที่เหมือนเล้าจ์เล็กๆ มีเครื่อมดื่มพื้นฐานให้บริการ สำหรับนั่งรอห้องหรือรอรถมารับ ของแขกที่เป็นสมาชิก Marriott Bonvoy Elite member

ส่วนกลางอื่นๆ

ชายหาดของทางโรงแรม

สระว่ายน้ำ

สระว่ายน้ำที่นี่มีขนาดใหญ่กว้างขวางเหมือนกับที่เคยได้รีวิวไว้ตั้งแต่ในครั้งแรก ep.1

โซนเด็กเล่น Starclub

ฟิตเนส-ยิม

มีขนาดกว้างขวางดี เครื่องเล่นเยอะพอสมควร แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเนื่องจากมีคนเล่นอยู่เยอะ ไม่อยากรบกวนความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น

Wifi

ลืมรีวิวไปตั้งแต่ครั้งก่อน wifi ที่นี่ครอบคลุมทั่วถึงเร็วแรงไม่ต้องกังวล ประชุมออนไลน์ได้ไม่มีสะดุด เราทดลองประชุมผ่าน Zoom มาแล้ว

ความเห็นส่วนตัว

สิ่งที่ยังชอบมากๆ สำหรับที่นี่คือ พนักงานน่ารักกันมากๆ ทีม front ทีม sale ทุกคนพยายามบริการและช่วยเหลือเต็มที่ ตั้งแต่ย่างกรายเข้ามาถึงในโรงแรมจนถึงตอนกลับ ดูแลดีมากๆ มีความสุข happy ทุกครั้งที่มา ยิ่งในครั้งนี้มาสัมมนาจึงได้ใช้ห้อง function room สำหรับการจัดงานและจัดประชุม ห้องก็ดีมากๆ สวยงาม หรูหรา เพดานสูงโปร่งสบาย

สิ่งที่ยังไม่ชอบ ยังคงเป็นเรื่องเดียวคือ ฝักบัวในห้องน้ำ