Review 57th Street at Bangkok Marriott Hotel Sukhumvit

รีวิว 57th Street ที่โรงแรม Bangkok Marriott Hotel Sukhumvit

วันนี้มาทาน International dinner buffet ที่ 57th Street ร้านตั้งอยู่ที่ชั้นล็อบบี้ของโรงแรม Bangkok Marriott Hotel Sukhumvit ที่ชื่อ 57 Street เพราะว่าโรงแรมตั้งอยู่หน้าซอยสุขุมวิท 57 ถัดจากทองหล่อมาเพียง 1 ซอย ใกล้รถไฟฟ้าสถานีทองหล่อ

ตอนที่ไปนี้ไปในโปรโมชั่น 699 THB Net โดยต้องจองและจ่ายเงินออนไลน์ซื้อ voucher ล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ของทางโรงแรม โดยมีบุฟเฟ่เฉพาะวันพฤหัส -อาทิตย์ เริ่มตั้งแต่ 18:00 โดยช่วงนี้มีมาตรการให้ทุกคนเวลาไปตักอาหารต้องใส่หน้ากากและถุงมือพลาสติกที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้

อาหารที่นี่มีหลากหลายทีเดียว มาเริ่มกันที่อาหารตะวันตกจะมีพวก สเต็ก พิซซ่า พาสต้า เป็นต้น

อาหารญี่ปุ่นก็จะมีพวกปลาดิบ ซูชิ ปูอัด ไข่หวาน ฯลฯ

อาหารไทยจะมีเป็นกับข้าว วันที่ไปลองชิมแกงเขียวหวานเนื้อ ไก่ผัดเม็ดมัะม่วงหิมพาน อร่อยทีเดียว นิกจากนี้ก็ยังมีซุ้มก๋วยเตี๊ยวด้วย

อาหารอินเดียก็มี พวกสลัดและขนมปังก็มี ซึ่งโซนสลัดถือว่ามีผักให้เลือกเยอะดีและมีน้ำสลัดหลายแบบอยู่

มาต่อกันที่ของหวานมีพวกผลไม้ ขนมไทย ขนมเค้ก อร่อยมาก อิ่มแค่ไหนควรเผื่อท้องให้ของหวาน

นอกจากอาหารต่างๆ แล้วในส่วนของเครื่องดื่มก็มีน้ำเปล่าให้บริการรวมถึงชาและกาแฟ และมีไอศครีมโดยมีรสให้เลือก เช่น ชาเขียว มะม่วง อันนี้ต้องขอพนักงานนะคะ ไม่ได้ให้ลูกค้าตักเอง ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะมัวกินเพลิน นึกขึ้นได้จะถ่ายจานเปล่าถ้วยเปล่ามาแทนมันก็ไม่ได้ละ

โดยรวมคือประทับใจ กินอิ่ม แทบกลิ้ง แต่ข้อเสียของโรงแรมนี้ที่มากี่ครั้งก็ไม่ประทับใจเลยคือ ที่จอดรถ ที่จอดรถของโรงแรมนี้คือ แคบและน้อยนิดมากจ้า วนลงไปครบ 3 ชั้นก็ไม่มีที่ สรุปต้องยอมวนไป Valet Parkingให้พนักงานขับไปจอดให้ที่ไหนสักที่ คือ ตั้งแต่มีโควิดเราก็ไม่อยากให้ใครขึ้นรถเรา มาขับรถเราอ่ะเนอะ เลยไม่ค่อยปลื้มจุดนี้ คือ อาหาร พนักงาน บริการ ทุกอย่างดี แต่พอนึกถึงที่จอดรถที่นี่ทีไร ขี้เกียจไปทุกที

โปร 699 THB Net ทางไปจองออนไลน์
https://bit.ly/3hWyIJy

พิกัด 57th Street at Bangkok Marriott Hotel Sukhumvit

02 797 0000

https://goo.gl/maps/y2GwFWYLjyy22XbW7

Review Kosumosu Japanese Dining

รีวิวร้าน Kosumosu 秋桜

เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่เปิดใหม่ได้ไม่กี่เดือนมานี้เอง น่าจะช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ร้านเป็นลักษณะบ้าน 2 ชั้น ตั้งอยู่ซอยสุขุมวิท 23 ย่านอโศก มีที่จอดรถบริเวณหน้าร้านพอประมาณ แต่ถ้าลูกค้าแน่นเต็มจริงๆ อาจต้องมีบางส่วนจอดตามข้างทางแทน แต่วันที่เราไปยังมีที่จอดเพียงพอ

พนักงานของที่นี่ดูแลลูกค้าได้ดีตั้งแต่การต้อนรับหน้าร้าน มีการพูดผ่านวิทยุสื่อสารกันว่ามีลูกค้าเข้าร้าน จะไปโต๊ะไหน โซนไหน ร้านมี 2 ชั้น โดยชั้นบนจะมีห้องส่วนตัวทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ส่วนชั้นล่างแม้จะไม่เเป็นแบบห้องส่วนตัว แต่ก็จัดโต๊ะไม่แออัด ทั้งนี้หากใครจะใช้ห้องส่วนตัวแนะนำให้โทรเพื่อจองก่อนนะคะ

เมนูมีให้เลือกหลากหลายและมีภาพประกอบสวยงาม จะกินแบบย่าง แบบเทปันยากิ หรือชาบู ชาบู ก็มีให้เลือก

ออเดิร์ฟเราสั่งเป็นสลัดอโวคคาโด และ มะเขือเทศพันเบคอน ส่วนอาหารจานหลักมีปลาหิมะย่างเกลือ ปลาแซลมอนเทปันยากิ และลูกชิ้นไก่บดย่าง (สึคุเนะ)

อาหารจะมาเป็นจานเดี่ยว หากต้องการเพิ่มชุดข้าว ก็มีให้เลือก 3 แบบ เริ่มต้นที่ 90 THB – 150 THB โดยตามภาพจะเป็นชุด 90 THB ที่มี 3 อย่าง ได้แก่ ข้าว+ซุป+ผักดอง และสำหรับชุด 150 THB จะมี 5 อย่างได้แก่ ข้าว+ซุป+ผักดอง+ไข่ตุ๋น+ของแกล้ม

รสชาติอาหารที่นี่ทำออกมาได้ดี มีความญี่ปุ่นจริง ซึ่งหัวหน้าเชฟที่ดูแลที่นี่เป็นคนญี่ปุ่น รสไม่อ่อนเกินจัดเกิน ยังเน้นให้สัมผัสรสของวัตถุดิบหลักที่ใช้ โดยรวมชอบ ต้องมีกลับไปกินซ้ำแน่นอน

พิกัดร้าน 秋桜 KOSUMOSU Japanese Dining
02 029 9560
https://goo.gl/maps/hKXnUYx9Wv1LSAu98

Review The Silk Road at The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok

รีวิว The Silk Road at The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok (เดอะ ซิลค์โร้ด, ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล)

ร้านนี้เป็นร้านอาหารจีนกวางตุ้งสไตล์คลาสสิก โดยมี Chef Kam Sing (เชฟ กัม ซิง) เป็นผู้ดูแลอาหารของที่นี่

ร้าน The Silk Road ตั้งอยู่บนชั้น 3 ของโรงแรม The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok รีวิวในส่วนของโรงแรมสามารถอ่านได้ที่นี่ค่ะ >> https://bellejourneys.com/2021/11/23/review-the-athenee-hotel-bangkok/

การตกแต่งและบรรยากาศร้าน
ตกแต่งในสไตล์จีนที่ผสานความหรูหราแบบสมัยใหม่เข้าไปได้อย่างลงตัวสวยงาม ดูโอ่อ่าด้วยสีแดงและสีทอง ได้ดื่มด่ำประสบการณ์การรับประทานอาหารที่พิเศษ บรรยากาศมีความเป็นส่วนตัวพอสมควรเนื่องจากมีการจัดวางโต๊ะที่ห่างกันทำให้รู้สึกว่าแต่ละโต๊ะมีความเป็นส่วนตัวของตัวเอง แต่หากใครมากันหลายคนต้องการเม้ามอยกันเต็มที่หรือต้องการความเป็นส่วนตัวจริงๆ ที่นี่ก็มีห้องส่วนตัวให้บริการ (แบบมีค่าใช้จ่าย) ซึ่งแนะนำให้โทรรสำรองห้องกันก่อนถึงวัน เพราะเท่าที่ถามพนักงานคือช่วงสุดสัปดาห์ห้องมักจะเต็มเร็วเสมอ

อาหาร
เราเริ่มต้นด้วยออเดิร์ฟอย่าง The Silk Road Signature Dim Sum Trio 390 THB ติ่มซำสามกษัตริย์ ประกอบด้วย ขนมจีบเป๋าฮื้อ, ฮะเก๋าไข่ปลาคาเวียร์, กรรเชียงปูนึ่งผัดผงกะหรี่ ซึ่งจัดจานมาอย่างสวยงามน่าทาน ปรุงมาด้วยวัตถุดิบชั้นเลิศ รสและเนื้อสัมผัสคือลิ้มรสได้ถึงความเป็นของดีของแพงอ่ะ แบบเนื้อแน่นๆ เด้งๆ เน้นๆ

The Silk Road Signature Dim Sum Trio 390 THB

ส่วน Main ของเราแน่นอนว่าต้องเลือกในเมนูที่เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่โดยเฉพาะนั่นคือ The Silk Road Peking Duck with Caviar 1,800 THB เป็ดปักกิ่งสไตล์เดอะซิลค์โร้ดเสิร์ฟพร้อมไข่ปลาคาเวียร์ โดยเป็ดจะแล่แบบติดเนื้อมาด้วยเล็กน้อย แต่ถ้าใครชอบแบบหนังกรอบไม่ติดเนื้อก็มีให้เลือกในเมนูเช่นกัน ซึ่งกิมมิคของเมนูนี้ที่ทำให้ยิ่งน่าสนใจคือการมาตั้งโต๊ะจุดไฟย่างเป็ดกันตรงหน้าไปเล้ย เพิ่มมูลค่ากันไปอี๊ก ซึ่งก็เพิ่มอาหารตาและความตื่นตาตื่นใจ มีอรรถรสในการกินมากขึ้น (ตามในคลิป) ในส่วนของคาเวียร์คือให้มาเยอะแบบไม่หวง พอตักกินยันเป็ดชิ้นสุดท้ายในส่วนของรสชาติเราก็รู้สึกว่าเป็นรสเป็ดปักกิ้งที่สำเนาถูกต้องเนี่ยแหละ ก็คาดหวังว่ารสคงจะประมาณนี้อยู่แล้ว คือต้องออกตัวก่อนว่าเราไม่ใช่สายคนชอบอาหารจีนนัก เราชอบกินแต่พวกติ่มซำเป็นทุนเดิม เลยอาจทำให้เราประทับใจกับอาหารจีนยากหน่อย ลิ้นไม่ค่อยสันทัดอาหารจีน แต่โดยรวมคือดีนะ คุณภาพอะไรต่างๆ คือดีหมด

เนื้อเป็ดที่เหลือเราเลือกให้นำมาผัดเปรี้ยวหวาน เมื่อกินกับข้าวสวยใบเตยที่สั่งเพิ่มมาเพื่อทานร่วมด้วยได้รสชาติกำลังดีไม่อ่อนเกินหรือจัดเกิน
แต่ถ้าใครอยากให้นำมาปรุงรสเป็นหลายๆ อย่างมากขึ้นก็เพิ่มเงิน 200 บาท ทำเป็นจานอื่นๆ ได้อีก เช่น ผัดซอสเอ็กซ์โอ นึ่งพริกมะนาว ทอดพริกเกลือ ผักพริกไทยดำ เป็นต้น

อีกเมนูที่สั่งเพิ่มมา คือ Stir-fried tiger prawns from Samut Sakhon with Beijing sauce 540 THB กุ้งลายเสือจากสมุทธสาครผัดซอสปักกิ่ง ซึ่งตกแต่งจานมาอลังด้วยแตงกวาทั้งลูก

Stir-fried tiger prawns from Samut Sakhon with Beijing sauce 540 THB

ปิดท้ายด้วยขนมหวานที่จริงๆ แล้วคืออิ่มมากกกบวกกอไก่ล้านตัว แต่กะเพาะมีที่เหลือให้ขนมหวานได้เสมอ เพราะตั้งใจว่าจะสั่งแต่แรกเลย คือ Chilled Mango Pudding 220 THB พุดดิ้งมะม่วงน้ำดอกไม้ อันนี้ส่วนตัวจงใจสั่งเพราะเราเป็นคนชอบกินมะม่วงน้ำดอกไม้มากๆ ยิ่งหวานนยิ่งชอบ ซึ่งตัวมะม่วงหวานหอมดีงาม ตัวพุดดิ้งเนื้อละเอียดรสชาติกำลังดู แถมยังมีสตรอเบอรี่เปรี้ยวๆ มาช่วยตัดรสไปมา คือ ดีงาม

Chilled Mango Pudding 220 THB

Add more (Dec 26, 2021) – เนื่องจากในเดือนธันวาคม เราได้กลับไปเยือนที่ห้องอาหาร The Silk Road อีกครั้ง ได้ไปลองไปใช้บริการห้องส่วนตัว แล้วลองเป็ดปักกิ่งแบบหนังกรอบ ผักโขมหมั่นเชิ้ง ข้าวผัดสไตล์กวางตุ้ง ลองติ่มซำเช่น อะเก๋าไข่ปลาคาร์เวียร์ ทรัฟเฟิลเสี่ยวหลงเปา ขนมจีบกุ้งหางหงษ์ และปิดท้ายด้วยขนมดอกโบตั๋นทอดไส้คัสตาร์ด อร่อยทุกจาน

หากใครสนใจตามไปลองชิม ร้านจะเปิด

มื้อกลางวันวันจันทร์– วันอาทิตย์ 11:30 น. – 14:30 น.
มื้อค่ำวันจันทร์– วันอาทิตย์ 17.30 น. – 22.00 น.

ข้อมูลร้านและจองได้ที่ https://portal.marriott.com/bkkla-the-athenee-hotel-a-luxury-collection-hotel-bangkok-dining/the-silk-road

Reservation Line +66 (0)2 650 8800

Reservation Email: TheSilkRoad.TheAthenee@luxurycollection.com

พิกัด The Silk Road

02 650 8800

https://goo.gl/maps/FPY8Feo4iGusBCH48

Review The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok

รีวิว The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok (โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล)

โรงแรม The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok (โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล) เป็นโรงแรมในเครือ Marriott [Category 5] ตั้งอยู่ที่บริเวณถนนวิทยุ ช่วงใกล้ๆ ฝั่งถนนสุขุมวิท หากมาจากเส้นสุขุมวิทก็ให้ขับรถเลยโรงแรม The Okura Prestige Bangkok เข้ามาอีกหน่อย ครั้งนี้เราจะพารีวิวห้อง 2 type ได้แก่ ห้อง Athenee Suite, Club lounge access, 1 Bedroom Suite, 1 King Corner room (86 sqm) และห้อง Athenee, Guest Room, 1 King (38 sqm) ค่ะ

In-room decorations

การไปพักที่ Athenee ในครั้งนี้เราไปด้วยโปรโมชั่น Dine’cation + Birthday Suite Upgrade สำหรับโปร Dinecation นั้น คือ การได้เครดิตเพื่อใช้จ่ายค่าอาหารในโรงแรมตามราคาห้องที่จ่ายต่อคืน แต่จำกัดสูงสุด 5,000 บาท ค่าห้องแพงกว่านี้ก็ลิมิตให้ที่ห้าพันถ้วน แล้วเมื่อมาเพิ่มกับโปรวันเกิดที่ขอ upgrade มาอยู่ห้อง suite นั้นคุ้มเกินบรรยายจุดนี้ จ่ายหลักพันแต่เงินที่จ่ายยังผันมาเป็นค่ากินข้าวแถมได้อัพไปพักห้องราคาหลักหมื่น!! ถ้าใครใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกันได้ยิ่งเพิ่มความคุ้มไปอี๊ก

Tips: สำหรับใครที่อยากใช้โปร Birthday Suite Upgrade ซึ่งเราไม่มั่นใจว่าจะหมดเขตเมื่อไร แต่เราขอแนะนำให้ติดต่อโรงแรมไปก่อนตามช่องทางต่างๆ เพื่อสอบถามก่อนได้ แต่ของเราคือกดจองก่อนด้วยแล้วค่อยไปแจ้ง จะอัพไม่อัพให้ก็จะไป จากนั้นเราจึงอีเมลไปแจ้งโรงแรมว่าเราทราบว่ามีโปรนี้และจะขอใช้สิทธิ์กับโปรโมชั่นอัพเกรดวันเกิด ซึ่งเราก็โชคดีมีแต้มบุญที่โรงแรมตอบกลับมาและการันตีอัพเกรดให้ ซึ่งเรา plan ล่วงหน้า 1 เดือนนะ (ทั้งนี้ในเรื่องของการอัพเกรดห้อง ขึ้นอยู่กับจำนวนห้องว่างของวันที่เราจะไปนะคะไม่การันตีว่าจะได้นะคะ) นอกจากนี้ยังให้เลือกรสชาติเค้กที่จะให้เราด้วยค่ะ [ตัวเลือก 3 รส 1. Chocolate cake 2. White and dark chocolate mousse 3. Blueberry cheese mousse] ของเราเป็นตัวเลือกที่ 2 นะคะ

Q: ต้องไปพักตรงวันเกิดเป๊ะๆ มั้ย?
A: จริงๆ ควร แต่บวกลบวันนิดหน่อยไม่มีปัญหา ของเราช้าไปสัปดาห์นึง ทั้งนี้ต้องไปตกลงกับโรงแรมให้โรงแรมพิจารณาตามดุลยพินิจนะ

Q: ไปโกหกว่าเป็นวันเกิดกับทางโรงแรมได้มั้ย เพื่อให้ได้อัพเกรดหรือจัดห้องให้?
A: ต้องยื่นบัตรประชาชนตอนเช็คอินนะจ๊ะ ทั้งของผู้จองที่พักและผู้ร่วมพัก ถ้าวันไม่เหมือนที่คุยกันไว้ก็ประหลาด

Birthday cake, card and welcome fruits

พามาที่ห้องพักห้องแรก คือ ห้อง Athenee Suite, Club lounge access, 1 Bedroom Suite, 1 King Corner room (86 sqm) แน่นอนตามชื่อ ห้องใหญ่อยู่ตรงหัวมุมตึกค่ะ ได้มาพักห้อง 2202

เปิดประตูเข้าไปจะเจอกับทางเดินเข้าและมีห้องน้ำเล็ก Powder Room อยู่ด้านข้าง ตรงเข้ามาจะพบกับห้องนั่งเล่น และบริเวณโต๊ะทำงาน มินิบาร์ ชา กาแฟ ซึ่งห้องนี้จะมีเครื่องทำกาแฟและมีกาแฟของ illy ให้

แล้วก็จะพบกับห้องนอนด้านในซึ่งมีขนาดใหญ่เช่นกัน มีประตูปิดกั้นระหว่างห้องนั่งเล่นได้ ในโซนห้องนอนก็จะมีโซฟาที่ยาวมาก มีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ ภายในมีพวกเตารีด ร่ม ไดร์เป่าผม ฯลฯ

ซึ่งทางโรงแรมได้ตกแต่งห้อง (in-room decoration) ต้อนรับเนื่องในวันเกิดให้ด้วย ทั้งงานผ้าขนหนูเค้กสองชั้นและน้องกระต่าย งานลูกโป่ง งานริบบิ้นที่บรรจงตัดจัดเรียงเป็นตัวอักษรแบบห้ามหายใจแรงไม่งั้นล้มปลิวตัวอักษรเพี้ยน งานเค้ก งานเทียน งานไม้ขีด เตรียมให้ครบ

ในส่วนของห้องน้ำถือว่าไซส์ใหญ่ทีเดียว อ่างล้างหน้าแบบ His & Her ให้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ Amenity มาค่อนข้างจัดเต็มจริงๆ พวกแชมพู ครีมนวดผม เจลอาบน้ำ ครีมทาผิว เป็นของ ยี่ห้อ THANN เหมือนกับโรงแรมอื่นๆ ในเครือ แต่ของที่นี่จะใช้รุ่นกลิ่น Eden Breeze พอประมาณ 5 โมงเย็นก็มีคุณแม่บ้านนำ Sea Salt และ Lemongrass Oil มาให้สำหรับการแช่อ่างอาบน้ำ ที่ตอนแรกว่าจะไม่แช่ แต่เชิญชวนขนาดนี้ก็แช่จ้า พอเทเกลือลงไปน้ำจะกลายเป็นสีเขียวๆ ในอ่างหน่อย ไม่ต้องตกใจ ส่วนตัวน้ำมันโปรดใช้ด้วยความระมัดระวัง คือระวังลื่นเด้อ ควรใช้ความระวังในการขึ้นลงอ่าง

มาต่อกันที่ห้องพักที่ 2 ห้อง Athenee, Guest Room, 1 King (38 sqm) ได้พักห้อง 2209 เป็นห้องที่มีขนาดอยู่สบาย พื้นที่อาจจะไม่สามารถวิ่งเล่นได้แบบห้องแรก แต่ไม่อึดอัด ห้องนี้สิ่งที่แตกต่างนอกจากเรื่องของขนาดเทียบกับห้องแรกแล้ว ก็จะเป็นพวกเครื่องใช้ที่มีน้อยลงเล็กน้อย เช่น ในห้องน้ำก็ให้พวก Amenity มาน้อยกว่า เปรียบเทียบจากรูปได้ อ่างอาบน้ำคนละแบบ โซนโต๊ะทำงานเล็กลง ไม่มีเครื่องทำกาแฟให้สำหรับในห้องนี้ จึงเป็นกาแฟที่เป็นเหมือนสำเร็จรูปให้แทน

อาหารเช้า ได้ลงมากินที่ห้องอาหาร The Rain Tree Cafe ชั้น G มีตัวเลือกอาหารหลากหลายพอสมควร เมนูไข่สั่งออเดอร์ได้หลายแบบ โดยส่วนตัวชอบที่มีน้ำผลไม้ที่เลือกปั่นสดๆ ได้ เพิ่มความเฟรชดูสุขภาพดีแต่เช้า ไม่ค่อยได้ถ่ายรูปมาเนื่องจากคนเยอะมากมาย

ในส่วนของ Royal Club Lounge ชั้น 26 สำหรับผู้ที่จองห้องที่มีสิทธิ์ Club lounge access หรือผู้ที่เป็นสมาชิก Marriott Bonvoy ระดับ Platinum ขึ้นไปสามารถเข้ามาใช้บริการได้ตลอดมีเครื่องดื่มบริการตั้งแต่ 10 โมงเช้าถึง 2-3 ทุ่มแล้วแต่วันต้องเช็คเวลา และโดยเฉพาะตอน 14:30 – 16:30 จะเป็นช่วง Afternoon Tea มีขนมบริการเพิ่มเติม และในช่วง 17:30 – 19:30 จะเป็นช่วง Evening Hours & Hors D’oeuvres ซึ่งจะมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปจนถึงของกินที่แทบจะเป็นอาหารเย็นได้เลย เพราะไปเจอทั้งแกงเขียวหวานไก่ ปลากระพงต้มซีอิ๊ว แกงส้มผักรวม มาจัดหนักจัดเต็ม นี่ก็ชิมไปอย่างละนิดอย่างละหน่อย เพราะจองดินเนอร์ไว้กับ The Silk Road (แปะลิ้งค์รีวิวไว้ให้ช่วงท้ายอ่านต่อได้จ้าสำหรับ the silk road) ในเล้าจ์จัดโต๊ะค่อนข้างห่างดีแต่ละโต๊ะมีความเป็นส่วนตัว แบ่งห้องออกเป็นหลายโซน เลือกนั่งเลือกมุมได้ตามสบาย ห้องน้ำของเล้าจ์มีห้องอาบน้ำด้วย แล้วก็สบู่ล้างมือและครีมทามือจะเป็นของ L’Occitane กลิ่น Verbena

สระว่ายน้ำและฟิตเนสขนาดใหญ่พอสมควร ตอนกลางวันขนาดแดดเปรี้ยงยังมีชาวต่างชาติมานอนอาบแดด ลงว่ายน้ำกัน

สำหรับการบริการต่างๆ ประทับใจ ไม่มีเสียชื่อค่ะ พนักงานน่ารักทุกคน ยิ้มแย้ม เต็มใจบริการ ประทับใจตั้งแต่คุณแม่บ้านจัดตกแต่งห้องให้แล้ว

ส่วนตัวสิ่งที่ชอบที่สุดสำหรับโรงแรมนี้คือ ที่นอนและหมอนจ้า ถูกจริตกันที่สุด มันนุ่มและแน่น นี่มันเตียงดูดวิญญาณชัดๆ เผลอเป็นไหลหลับ นี่เป็นหนึ่งในโรงแรมที่คิดว่าเตียงและหมอนดีสุดที่ไปพักมา กลับมาบ้านนี่ถึงกับนอนกระสับกระส่ายไม่พอใจหมอนและที่นอนของตัวเอง

สำหรับรีวิวไปกินอาหารจีนและเป็ดปักกิ่งที่ The Silk Road ตามอ่านต่อได้ที่ลิ้งค์ >> https://bellejourneys.com/2021/11/27/review-the-silk-road/

Update – รีวิว ep. 2 https://bellejourneys.com/2022/01/07/review-the-athenee-hotel-bangkok-2

Update – รีวิว ep. 3 https://bellejourneys.com/2022/03/18/review-the-athenee-hotel-bangkok-3/

The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok

02 650 8800

gec.theathenee@luxurycollection.com

https://goo.gl/maps/jD7Rdf4dygLM49VbA

Review Rossini’s at Sheraton Grande Sukhumvit

รีวิวห้องอาหารรอสซินีส์ ที่โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท

ห้องอาหารอิตาเลียนเก่าแก่ร้านนี้ ได้รับรางวัล The Michelin Plate Award Winner ในปี 2020 และ 2021 นี้ด้วย มาทานดินเนอร์อาหารอิตาเลียนที่ห้องอาหารนี้ เนื่องจากได้มีโอกาสมาเข้าพักที่โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท สามารถดูรีวิวเกี่ยวกับโรงแรมและห้องพักได้ตามลิ้งค์นี้ >> https://bellejourneys.com/2021/11/15/review-sheraton-grande-sukhumvit/

มาโฟกัสกันต่อที่อาหาร ครั้งนี้มาทานในโปร Luxury Dinecation 2499++ ลำหรับ 2 คน ราคาไม่รวมห้องพัก เป็นอาหารเซ็ต 4 คอร์ส เมนูที่มีให้เลือกตามภาพด้านล่าง

อาหารโดยรวมอร่อย เริ่มต้นด้วยขนมปังมาเสิร์ฟอุ่นๆ นุ่มๆ ก้อนใหญ่ที่แบ่งกันกินสองคนตามด้วยน้ำแทบฟูเต็มกระเพาะ แต่อร่อยก็ฟาดกันไปหมดก้อน จากนั้นก็ตามมาด้วยคอร์สแรก Antipasto Trio ซึ่ง 3 อย่างที่เราได้เลือกเป็น 1. Gamberi in Salsa aurora 2. Burrata, datterini, rucola selvatica, pistacchi และ 3. Caesar salad

ต่อมาคอร์สที่สองเป็น Pasta ได้เลือกเป็น Tortelli di vitello all ’Alnese และ Gnocchetti sardi ส่วนตัวแอบชอบ Tortelli di vitello all ’Alnese มากกว่า

ต่อมาคอร์สที่ 3 Main ซึ่งเรารออาหารนานจนค่อนข้างขาดตอน มันมาห่างมากเกินไป หลังจากเก็บจานคอร์ส 2 Pasta เรารอเป็นเวลาถึง 45-50 นาที จนจะง่วงนอน ซึ่งเราคิดว่ามันไม่น่าปกตินะที่ทิ้งช่วงนานขาดนั้น นานจนไม่มีเรื่องจะคุยบนโต๊ะอาหารแล้ว นั่งเล่นมือถือรอกันไป จนต้องเรียกพนักงานมาให้ช่วยไปตามอาหารหน่อยเถอะ เอาหัวปักกำแพงแล้วจะหลับ สีหน้าเริ่มออกแล้ว แม้จะเข้าใจว่าจังหวะนั้นลูกค้าแน่นเต้มทุกโต๊ะแล้ว (ตำหนิได้จ่ายตังค์เอง) จากนั้นสิ่งที่สั่งก็มาได้แก่ Salmone in crosta alle erbe, avocado eriduzone di yuzu e carote และ Costolette d’agnello alla griglia, con cous cous alle nocciole zucca [อย่าให้เขียนตัวสะกดภาษาไทยว่าอ่านว่าอะไร ไม่ได้เหมือนกัน 555] แม้จะรอนานแต่ก็อร่อยกินหมดเกลี้ยงค่ะ

คอร์สที่ 4 Dessert Duo คอร์สสุดท้าย ก็เลือกมาทั้ง Rossini’s tiramisu และ Greek yogurt panna cotta ซึ่งแม้ท้องจะค่อนข้างอิ่มมากแล้ว แต่ทั้งสองอย่างอร่อยมาก ทีรามิสุอร่อยกำลังดี หอม เนื้อนุ่มนิ่มตัวแป้งให้ฟีลกินเค้กร้านคอฟฟี่บีนส์บายดาว ให้มาใส่โถใหญ่มากกินจะไม่หมดแต่ด้วยความอร่อยและเสียดายก็ฟาดเข้าปากไปจนหมดจนได้ ส่วนตัวโยเกิร์ตพานาคอตต้าก็อร่อยดีเนื้อเนียนซอสราดไม่เปรี้ยวจนเกินไปกลมกล่อมกำลังดี๊ดี

บรรยากาศร้านตกแต่งสไตล์วิลล่าในแคว้นทัสคานี ถ้าทานมื้อค่ำ ร้านจะบรรยากาศสลัวๆ หน่อย มีจำนวนโต๊ะไม่ได้มากนัก และจัดค่อนข้างห่างดี ให้ความส่วนตัวในระดับนึง แม้ช่วงโควิดจะเต็มทุกโต๊ะ แต่ไม่ได้รู้สึกอึดอัดหรือแออัด

ร้านตั้งอยู่ที่ชั้น 1 โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท ควรโทรสำรองที่นั่งก่อนเข้าไปรับประทานนะคะ

Rossini’s 02 649 8364

https://goo.gl/maps/jTSF8mnpuY3X7t886

Review Sheraton Grande Sukhumvit, A Luxury Collection Hotel

รีวิว เชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท ลักซ์ชัวรี่ คอลเล็คชั่น โฮเทล กรุงเทพ

วันนี้จะมารีวิว Sheraton Grande Sukhumvit, A Luxury Collection Hotel โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท อยู่ในเครือ Marriott Bonvoy [Category 5] โรงแรมที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองตรงแยกอโศก ตรงข้าม Terminal 21 จะแวะซื้อของหรือหาของกินก็สะดวกสบาย เดินเชื่อมด้วยสกายวอร์คของบีทีเอสได้เลย การเดินทางมาที่นี่สามารถเดินทางด้วย BTS ก็ได้ลงสถานีอโศก มีทางเชื่อมส่งตรงถึงโรงแรม สบายมากๆ เดินมาตามป้ายได้เลย หากมาด้วย MRT ลงป้ายสุขุมวิทแล้วเดินเชื่อมมาเรื่อยๆ

หลังจากได้มีโอกาสไปเข้าพักมาช่วงวันเกิดเป็นเวลา 3 วัน 2 คืนเต็ม ด้วยโปร Super Saver (SPU) ที่ซื้อ Voucher ได้ผ่านทาง Line Shopping Official ของทางโรงแรม ซึ่งเจ้าโปรนี้มันดีตรงที่ให้ Early Check-in ตั้งแต่ 8โมงเช้า และ Late Check-out ได้ถึง 6โมงเย็น ทำให้ได้ใช้เวลาอยู่ในโรงแรมแบบเต็มๆ โปรนี้มีถึงสิ้นปีนี้นะ ณ ตอนนี้

ตอนที่จองพนักงานได้ถามมาว่ามีโอกาสพิเศษอะไรมั้ย ซึ่งแน่นอนว่ารอบนี้เราต้องบอกเพราะเป็นช่วงวันเกิดของตัวเอง ข้อดีที่ไปพักโรงแรมช่วงวันเกิดของตัวเองก็คือ มีโอกาสที่โรงแรมจะตกแต่งห้องต้อนรับ (ที่ใช้คำว่ามีโอกาสเพราะไม่อยากการันตี 100% จริงๆ แล้วก็ได้นั่นแหละถ้าไม่ผิดพลาดอะไร ได้มากได้น้อยอันนี้อยู่ที่จังหวะแต่ละคนด้วยนะคะ ทั้งเลเวลความอีลีทบัตรสมาชิกเอย ค่าห้องที่เราจ่ายเอย ทุกคนต้องโปรดเข้าใจ จะไปเรียกร้องเอาแบบคนนั้นคนนี้จากโรงแรมไม่ได้นะคะ เราต้องเข้าใจทางโรงแรมด้วย)

สำหรับห้องเราครั้งนี้ทางโรงแรมตกแต่งด้วยลูกโป่ง มาธีมชมพูทอง เข้ากับสีผนังห้อง งานพับผ้าเป็นรูปสัตว์น่ารักๆ ก็มา น่าจะช้างกับกระต่ายมั้ยนะ? แจกันดอกไม้สดก็มี นอกจากตกแต่งแล้วทางโรงแรมยังเตรียมเค้กช็อคโกแลตไว้รอต้อนรับเราอีกด้วย รสชาติไปทางช็อคโกแลตเข้มข้น และยังได้การ์ดอวยพรที่สามารถนำการ์ดนั้นไปรับเครื่องดื่มได้ฟรี 2 แก้ว อันนี้สำหรับประสบการณ์ของเราที่ได้นะคะ เพราะหากอ่านรีวิวท่านอื่นๆ ก็มีได้รับแตกต่างกันบ้าง เช่น ที่เป็นโคมไฟฉายขึ้นเพดานว่า Happy Birthday เป็นต้น

ห้องที่พักเป็นประเภท Grande Room (45 sqm) ห้อง 1416 ชั้น 14 ตอนเช็คอิน พนง. มีขอโทษด้วยที่ไม่สามารถให้ห้องชั้นสูงวิวดีกว่านี้ให้ได้ เพราะไม่อยากให้ต้องรอห้อง เราไปเช็คอินแต่เช้าด้วย ซึ่งเรารู้สึกว่าเค้าก็เอาใจใส่ดีเพราะเราเขียนรีเควสขอชั้นสูงไว้ แต่เราก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรอยู่แล้วเข้าใจโรงแรมช่วงนี้แขกเยอะขึ้น เราก็ดีใจแทนที่การท่องเที่ยวเริ่มกลับมาบรรยากาศคึกคักขึ้น กลับมาที่ตัวห้อง ห้องพักที่นี่จะมี layout ที่ดูโบราณนิดหน่อย เพราะเป็นโรงแรมเก่าแล้ว ซึ่งให้ก็ฟีลยุโรปดี ส่วนตัวเราชอบเพราะถึงจะเก่าแต่เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างยังสภาพดีนะ ไม่ได้ดูเก่าดูโทรม ห้องน้ำกระเบื้องสีเขียวคลาสิคของที่นี่กว้างขวางดี มีลำโพงบนเพดานของห้องน้ำด้วย เปิดทีวีเข้ามาใช้ห้องน้ำก็ฟังต่อเนื่องไม่สะดุด หรือจะเปิดเพลงแล้วนอนแช่อ่างน้ำก็เพลิน ครีมอาบน้ำ ยาสระผท ครีมนวดผม เป็นของยี่ห้อ THANN กลิ่นตะไคร้ ตู้เสื้อผ้ามีห้องแยกออกไปเล็กๆ เป็นสัดส่วนดี

นอกจากได้รับบริการ butler service จากสิทธิ์บัตรสมาชิกที่สามารถสั่งเครื่องดื่มและคุกกี้เข้ามาทานในห้องพักได้ตลอดเวลาแล้ว (ชอบน้ำส้มกับคุกกี้ที่นี่มากสั่งวันละ 2 รอบเลย) ยังได้มีโอกาสสั่ง in-room dining จาก Orchid Cafe เข้ามาทานในห้อง 2 ครั้ง เป็นข้าวราดกะเพราไก่ไข่ดาว [Phad Kraprao chicken, with hot basil, chilli and fried egg, served with steamed rice – 420++] และอีกรอบคือ เบอร์เกอร์เนื้อลักซ์ชัวรี่ เสิร์ฟพร้อมตับห่าน ผักโขมและซอสเห็ดทรัฟเฟิล [Luxury Beef Burger, served with foie gras, spinach and truffle ketchup – 580++] รสชาติอร่อยตามที่คาดหวังจากราคาที่จ่าย ในภาพกะเพราอาจดูจืดนิดนะคะ คือ เราไม่ทานเผ็ดเลยสั่งขอเผ็ดน้อยๆ

สระว่ายน้ำของที่นี่ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่แต่มีความคดเคี้ยว และมีการตกแต่งเป็นป่าๆ ต้นไม้เยอะและเสริมใส่ความเป็นไทยเข้าไปประกอบด้วยเรือนไทย บรรยากาศริมสระถือว่ามีที่ให้นั่งชิลพอสมควร ซึ่งเราได้มาทานเครื่องดื่มที่ได้มาจากในการ์ดวันเกิดที่โรงแรมให้มา โดยเราเลือกมาใช้ที่ The Sala ซึ่งเป็นร้านที่บริเวณสระว่ายน้ำ เครื่องดื่มที่สั่งมาคือ มาการิต้า และ น้ำพั้นซ์ ดื่มรับลม สูดอากาศสวยๆ กันไป

อาหารเช้ามีไลน์อาหารให้เลือกเยอะพอสมควรเลย ซึ่งบุฟเฟ่ที่นี่โดดเด่นอยู่แล้ว ซึ่งเราไม่ได้ถ่ายรูปอาหารเช้ามานัก เนื่องจากมีคนอื่นเยอะพอสมควร ไม่อยากถ่ายติดคนอื่นมา อีกทั้งมัวแต่กินค่ะ ซึ่งรสชาติดีงามตามท้องเรื่อง แต่ไม่ได้มีการตกแต่งสวยงามอะไรนะคะ ช่วงนี้ลูกค้าเยอะเลยเปิดให้ทานอาหารเช้าได้ 2 จุด คือ Orchid Cafe และเพิ่มจุดสำรองที่ Rossini’s ซึ่งเรามาทานที่จุดสำรองแทน คนไม่แออัดดี แต่ว่าจะมีป้ายบอกอาหารไม่ค่อยครบแบบจุดหลัก บางอย่างอาจต้องเปิดดูว่า คืออะไรหว่า แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาหนักอะไร

การมาพักในครั้งนี้เรายังได้มีโอกาสไปดินเนอร์เป็น course set dinner luxury dinecation ของทางห้องอาหาร Rossini’s ด้วย ที่ได้รางวัล The Michelin Plate Award Winner แต่ขออนุญาตแยกรีวิวไปอีกอัน แปะลิ้งค์ไว้ให้ตามนี้ค่ะ >> https://bellejourneys.com/2021/11/15/review-rossinis/

Sheraton Grande Sukhumvit, a Luxury Collection Hotel, Bangkok
02 649 8888
https://goo.gl/maps/zEykpGyH53T1ub1T6